พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

  • อ่าน (5,226)
  • By Webmaster
  • 13:12:49 | 29 เม.ย. 2563

พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

Palazzo Ducale, Venice, Italy


พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค

           พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล หรือพระราชวังโดจ (Palazzo Ducale / Doge's Palace) เป็นพระราชวังเก่าที่มีอายุราวหนึ่งพันปี ตั้งอยู่ในบริเวณของจัตุรัสซานมาร์โคที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเมืองเวนิส แต่เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของเจ้าเมืองเวนิสที่เรียกว่า “โดจ (Doge)” และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นอีกด้วย ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้สาธารณะเข้าชม โดยตั้งแต่แรกสร้างจนถึงช่วงศตวรรษที่ 18 ได้มีการปรับโครงสร้าง เพิ่มอาคารส่วนต่อขยาย รวมถึงสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ พระราชวังแห่งนี้จึงเป็นแลนด์มาร์กเชิงประวัติศาสตร์ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในรูปแบบผสมผสานทั้งแบบเวเนเชียน ไบเซนไทน์ เรเนซอง และโกธิก รวมถึงการตกแต่งภายในและภายนอกอันสวยงามทรงคุณค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะสมัยนิยมในยุคนั้น  ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเวนิสอีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าต่อการเข้าชม


แผนที่ตั้งพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

ประวัติ

           พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมโกธิก (Gothic Architecture) ตัวอาคารพระราชวังแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยอาคารปีกที่หันหน้าหาอ่าวซานมาร์โคเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด อาคารส่วนที่สองคือด้านที่หันหน้าเข้าหาจัตุรัสซานมาร์โค และอาคารส่วนที่สามคือฝั่งที่ติดกับคลองด้านสะพานบริดจ์ออฟไซท์ (Bridge of Sighs) พระราชวังนี้เคยเป็นที่ประทับของโดจ (Doge) เจ้าเมืองเมืองเวนิสในอดีต รวมถึงเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นอีกด้วย

           หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในปีค.ศ. 476 หลายเมืองจึงกลายเป็นเอกเทศและปกครองตนเองอย่างอิสระ เมืองเวนิสก็เช่นกัน โดยเจ้าเมืองหรือในภาษาท้องถิ่นจะเรียกกันว่า "โดจ (Doge)" ซึ่งโดจคนแรกของเมืองเวนิสคือ โดจ แองเจโล พาร์เทซิปาซิโอ (Doge Angelo Partecipazio) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลนี้ขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 9 โดยข้อสันนิษฐานในการเลือกตั้งพระราชวังบริเวณนี้เพราะมีคลองกั้นด้านหนึ่งเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการสร้างกำแพงหนาทึบ และหอสังเกตการณ์ทั้งสี่มุม มีทางเข้าหลักชื่อว่าประตูคาร์ตา (Carta Gate) ซึ่งคงอยู่มาถึงทุกวันนี้ พระราชวังนี้เป็นที่ตั้งของที่ประทับ หน่วยงานราชการ ศาล คุก และคลังแสงอาวุธ

           ในช่วงศตวรรษที่ 10 พระราชวังแห่งนี้ถูกไฟไหม้ และได้รับการสร้างใหม่ภายใต้การปกครองของโดจ เซบัสเตียโน เซียนี (Doge Sebastiano Ziani) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและผังของพระราชวังใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารใหม่เพิ่มขึ้นสองหลังในพื้นที่บริเวณจัตุรัสซานมาร์โคในปัจจุบัน โดยหลังแรกหันหน้าไปทางจัตุรัส เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของศาลและสถาบันทางกฎหมาย อีกหลังหนึ่งหันหน้าเข้าหาอ่าวซานมาร์โคเพื่อใช้เป็นที่ตั้งของกรมการปกครองต่างๆ อาคารพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่นี้ใช้สถาปัตยกรรมไบเซนไทน์-เวเนเชียน (Byzantine-Venetain Architecture)  

           ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 13 ได้มีการขยายพระราชวังขึ้นอีกครั้งเพื่อรองรับข้าราชการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น (ซึ่งเป็นโครงสร้างของพระราชวังที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้) ภายใต้การปกครองของโดจ บาร์โตโลมีโอ กราเดนิโก (Dodge Bartolomeo Gradenigo) และมีการประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังในบริเวณของสภา Great Council Chamber โดยจิตกรกาเรียนโต (Guariento) จากเมืองปาดัว (Padua) ที่อยู่ทางเหนือของประเทศอิตาลี และยังมีภาพเขียนอื่นๆ จากศิลปินฝีมือเอกอีกมากมายที่ใช้ประดับตกแต่งภายใน

           ในช่วงศตวรรษที่ 14 โดจฟรานเซสโก ฟอสคารี (Doge Francesco Foscari) ได้มีการปรับโครงสร้างอาคารชั้นล่างที่หันหน้าเข้าหาจัตุรัสซานมาร์โคให้มีความโปร่งขึ้นเพื่อให้มองเห็นวิวของอ่าวได้ ซึ่งใช้ระยะเวลายาวนานจนถึงช่วงปลายของศตวรรษที่14 ซึ่งเป็นยุคของโดจ จิโอวานนี โมเซนนิโก (Doge Giovanni Mocenigo) และในช่วงนี้เกิดไฟไหม้ขึ้นอีกครั้งบริเวณอาคารฝั่งติดกับคลองซึ่งเป็นที่ประทับของโดจ จึงมีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซอง (Renaissance Architecture) โดยนายสถาปนิกอันโตนิโอ ริซโซ๋ (Antonio Rizzo) สร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ในส่วนของคุก สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เชื่อมต่อกับส่วนพระราชวังด้วยสะพานบริดจ์ออฟไซท์ (Bridge of Sighs)

           พระราชวังเป็นศูนย์กลางการปกครองของรัฐเวเนเชียมาหลายร้อยปี จนกระทั่งล่มสลายลงในปีค.ศ. 1797 เมื่อฝรั่งเศสและออสเตรียเข้ามายึดครอง แต่ในที่สุดรัฐเวเนเชียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีในปีค.ศ. 1866 เป็นต้นมา และในศควรรษที่ 19 รัฐบาลอิตาลีได้มีการจัดสรรงบประมาณมาให้เพื่อใช้ทำนุบำรุงพระราชวังเก่าแห่งนี้ พระราชวังนี้จึงเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งดูแลโดยองค์กรพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองเวนิส (Civic Museums of Venice) นับแต่นั้นมาปัจจุบันพระราชวังปาลัซโซดูคาเล เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองเวนิสและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก


อาคารพระราชวังฝั่งที่หันหน้าเข้าหาอ่าวซานมาร์โค 


อาคารพระราชวังฝั่งที่ติดกับมหาวิหารซานมาร์โค


โถงทางเดินหลังคาซุ้มโค้งและเรียงรายด้วยเสาหินสลักเก่าแก่ริมอาคารพระราชวัง


ทางเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านในพระราชวัง


เสาหินสลักโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศควรรษที่ 14-15 จัดแสดงอยู่ภายใน Room VI of the Museo dell’Opera ของพระราชวัง 


เสาหินสลักโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศควรรษที่ 14-15


ชิ้นส่วนของอาคารพระราชวังเก่า


ชิ้นส่วนของเสาหินสลักโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่


เสาหินและรูปสลักโบราณ


สถาปัตยกรรมโบราณที่มีความเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของโลก


ประติมากรรมหินสลักรูปสิงโตเก่าแก่


เรือโบราณที่จัดแสดงอยู่ภายในริมทางเดินด้านในพระราชวัง 


ด้านในพระราชวังจะมีลานสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารพระราชวัง


อาคารด้านในฝั่งทิศเหนือติดมหาวิหารซานมาร์โค


อาคารด้านในฝั่งทิศตะวันออกติดคลองข้างพระราชวัง


ด้านหลังอาคารทางฝั่งทิศใต้ที่หันหน้าสู่อ่าวซานมาร์โค 


ในบริเวณของ The Senate Chamber ที่เคยเป็นรัฐสภาเก่า


พื้นที่ของสภาจะตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังและเพดาน


พื้นที่ของสภาจะตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังและเพดาน


ภาพเขียนขนาดใหญ่ในบริเวณห้องที่เคยเป็นศาลสูง The Chamber of the Great Council


ห้องต่างๆ ได้รับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง


ภาพเขียนที่ใช้ตกแต่งถ่ายทอดเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองเวนิส


ภาพเขียนบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ด้วยฝีมือศิลปินเอก


ภายในห้อง The Council Chamber ประดับด้วยภาพเขียนอย่างสวยงาม 


ในส่วน Armoury จัดแสดงคลังแสงอาวุธของกองทัพในสมัยโบราณ


อาวุธโบราณแบบต่างๆ 


อาวุธโบราณแบบต่างๆ


ปืนใหญ่ในสมัยโบราณ 


ดาบ หมวก และโล่ ที่เคยใช้ในการออกรบ


ดาบ โล่ และชุดเกราะของนักรบในอดีต 


ชุดเกราะและอาวุธของนักรบโบราณ


พื้นที่อาคารในส่วนของคุก 


คุกเก่าไฟสลัวก่อด้วยอิฐหนาทึบ 


โถงทางเดินแคบๆ ทอดยาวสู่ห้องคุมขังภายในคุก 


ภายในคุกแบ่งเป็นห้องขังเล็กๆ เรียงรายไปตามโถงทางเดิน


ด้านในห้องขังเป็นพื้นที่แคบหลังคาต่ำ 


สภาพด้านในคุกโบราณ


บางห้องจะมีเตียงเล็กๆ ทำจากไม้ 


สภาพภายในห้องขังเก่า

การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)

 

             - รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที

             - รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที

หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”

การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) 

             - เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 1 จากนั้นลงที่ท่าเรือ San Marco-Zaccaria ก็จะถึงยัง Palazzo Ducale ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 40 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด

             วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 31 ตุลาคม

                     วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.

                     วันศุกร์ - วันเสาร์ เปิดเวลา 8:30 น. - 23:00 น.

             วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มีนาคม

                     เปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. - 19:00 น.



อัตราค่าเข้าชม

           จะเป็นตั๋วแบบรวมค่าเข้าชมพระราชวังและสถานที่ต่างๆ ภายในบริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค ดังนี้

                    - พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale)

                    - พิพิธภัณฑ์ศิลปะคอร์เรย์ (Museo Correr)

                    - พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (Museo Archeologico Nazionale di Venezia)

                    - ห้อง Monumental Rooms ภายในหอสมุดแห่งชาติมาร์เซียน่า (Biblioteca Nazionale Marciana)

           ราคาตั๋ว

                    - ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 25 Euro

                    - เด็กอายุ 6-14 ปี / นักเรียนนักศึกษาอายุ 15-25 ปี / ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 13 Euro

                    - ชาวเวนิส / เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี / ผู้พิการ เข้าชมฟรี


ทัศนียภาพพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลริมอ่าวซานมาร์โค

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           ตลอดทั้งปี

 
            นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Palazzo Ducale สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

                         (Palazzo Ducale, Venice, Italy)

                         ระดับความนิยม : 

                         อัตราค่าเข้าชม : จะเป็นตั๋วแบบรวมค่าเข้าชมพระราชวัง และสถานที่ต่างๆ ภายในบริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค 

                                                 - ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 25 Euro

                                                 - เด็กอายุ 6-14 ปี / นักเรียนนักศึกษาอายุ 15-25 ปี / ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 13 Euro

                                                 - ชาวเวนิส / เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี / ผู้พิการ เข้าชมฟรี

                         เวลาเปิด-ปิด : วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 31 ตุลาคม

                                                - วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.

                                                - วันศุกร์ - วันเสาร์ เปิดเวลา 8:30 น. - 23:00 น.

                                             วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มีนาคม

                                                - เปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. - 19:00 น.

                         ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                         สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

                         โทรศัพท์ : (+39) 041 2715911

                         เว็บไซต์ : https://palazzoducale.visitmuve.it/en/home/   

                         ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather

                                      เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en

                                      เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html   

                                      เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย

หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!

อ่านต่อ

เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด

อ่านต่อ

ล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล

อ่านต่อ

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป

อ่านต่อ

10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก

ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!

อ่านต่อ

ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย

อ่านต่อ

ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ