- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
- อ่าน (8,226)
- ByWebmaster
- 17:47:26 | 9 เม.ย. 2564
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
Ban Tha Sawang Silk Weaving Village, Surin Province, Thailand
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง (Ban Tha Sawang Silk Weaving Village) เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทอผ้าไหมยกทองที่มีเทคนิคและลวดลายงดงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดสุรินทร์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนจะได้รับทั้งความเพลินเพลิน และความรู้อันทรงคุณค่าเกี่ยวกับภูมิปัญญาผ้าไหมที่หาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน
ประวัติ
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่างเป็นหมู่บ้านอาคารเรือนไทยหลายหลังในบรรยากาศร่มรื่น มีทั้งส่วนที่เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ของสะสมของท่านอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย แกนนำกลุ่มผ้าทอจันทร์โสมา หมู่บ้านทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่า “ทอผ้าไหมหนึ่งพันสี่ร้อยสิบหกตะกอ” เมื่อครั้งทอผ้ายกทองทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากการริเริ่มของกลุ่มทอผ้ายกทอง “จันทร์โสมา” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ โดยมีอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นแกนนำและเป็นผู้รวบรวมชาวบ้านท่าสว่างมารวมกลุ่มกันทำงานทอผ้ายามว่างจากงานไร่งานนา
ด้วยการออกแบบลวดลายที่สลับซับซ้อนงดงามและศักดิ์สิทธิ์ ผสมผสานกันระหว่างลวดลายการทอแบบราชสำนักกับเทคนิคการทอผ้าแบบพื้นบ้าน จนกลายเป็นผ้าทอที่มีความงดงามอย่างมหัศจรรย์และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผลงานที่โดดเด่นของที่นี่ คือ การได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลให้ทอผ้าสำหรับตัดเสื้อผู้นำและผ้าคลุมไหล่สำหรับคู่สมรสผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาร่วมประชุมผู้นำเอเปกเมื่อปลายปี 2546 จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในชื่อ “หมู่บ้านทอผ้าเอเปก” และได้เป็น OTOP ระดับ 5 ดาว ของประเทศ
ผ้าไหมยกทองโบราณ เกิดจากการเลือกเส้นไหมที่เล็กและบางเบานำมาผ่านกรรมวิธีฟอก ต้ม แล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดง (จากครั่ง) สีเหลือง (จากแก่นแกแล) และสีคราม (จากเมล็ดคราม) ผสานกับการออกแบบลวดลายที่วิจิตรเหมือนในอดีต อาทิ ลายเทพพนม ลายหิ่งห้อยชมสวน ลายก้านขดเต้นรำ ลายครุฑยุดนาค ฯลฯ ผสานกับลายผ้าพื้นเมืองสุรินทร์ คือ ลายอัมปรม ลายสาคู ลายสมอ ลายละเบิก ลายลูกแก้ว เป็นต้น ถักทอเป็นผ้าไหมอันงดงามประณีต
โดยการทอนี้จะสอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่ทำจากเงินแท้ รีดเป็นเส้นเล็กๆ ปั่นควบกับเส้นด้าย โดยใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายจำนวนตะกอมากกว่าร้อยตะกอ จนกระทั่งการวางกี่บนพื้นดินธรรมดามีความสูงไม่พอ ต้องขุดดินบริเวณนั้นให้เป็นหลุมลึกไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอที่ห้อยลงมาจากกี่ให้เป็นระเบียบ ให้สามารถอยู่ในหลุมเพื่อสอดตะกอไม้ได้ด้วย เนื่องจากไม้ตะกอมีจำนวนมาก จึงต้องใช้คนทอถึง 4 - 5 คน โดยจะมีคนช่วยกตะกอ 2 - 3 คน คนสอดไม้ 1 คน และคนทออีก 1 คน ด้วยความซับซ้อนทางด้านเทคนิคและการทอด้วยความประณีตนี้เองจึงทำให้ในแต่ละวันสามารถผลิตผลงานได้เพียง 6 - 7 ซม. เท่านั้น
เรียกได้ว่าบ้านท่าสว่างเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งจำหน่ายผ้าไหมขึ้นชื่อของเมืองสุรินทร์ ที่หากมีโอกาสนักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเดินทางมาเยี่ยมชมงานหัตถกรรมไทยอันทรงคุณค่าเหล่านี้สักครั้ง
บรรยากาศภายในโรงทอผ้าไหมยกทอง
การทอผ้าไหมยกทองโบราณจะสอดแทรกการยกดอกด้วยไหมทองที่ทำจากเงินแท้ รีดเป็นเส้นเล็กๆ ปั่นควบกับเส้นด้าย โดยใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษที่ทำให้เกิดลายที่มีจำนวนตะกอมากกว่าร้อยตะกอ
บรรยากาศร่มรื่นภายนอก
สีสันและลวดลายที่สลับซับซ้อนงดงามของผ้าไหม
ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมที่หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง
การเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ มีระยะทาง 440 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
- รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุรินทร์ ใช้เวลาเร็วสุดประมาณ 9 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้อาจใช้เวลานานกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ
จังหวัดสุรินทร์ไม่มีสนามบิน สำหรับผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบินนิยมนั่งไปลงที่จังหวัดใกล้เคียงคือจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วเดินทางโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางต่อมายังจังหวัดสุรินทร์
การเดินทางไปหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง อยู่ที่ ม.1 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
บรรยากาศส่วนต่างๆ รอบๆ เรือน “จันทร์โสมา” เป็นกลุ่มที่มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ
ผ้าไหมยกทองเกิดจากการเลือกเส้นไหมที่เล็กและบางเบานำมาผ่านกรรมวิธีฟอก ต้ม แล้วย้อมสีธรรมชาติ ก่อนที่จะนำมาทอ
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง
ชมเทคนิคการทอผ้าไหมด้วยกี่โบราณ วิธีการถักทอลวดลายอันแสนงดงาม ชมกรรมวิธีการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพดีที่ตลาดชุมชน
ตลาดผ้าไหมบ้านท่าสว่างถือเป็นหนึ่งใน “ตลาดต้องชม” ที่ไม่ควรพลาดประจำจังหวัดสุรินทร์
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
(Ban Tha Sawang Silk Weaving Village, Surin Province, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง ม.1 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์
โทรศัพท์ : (+66) 0 4414 0015
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ https://surin.mots.go.th
ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดสุรินทร์ https://www.dlt.go.th/site/surin
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Toep National Park) หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ
อ่านต่อภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย
ภูห้วยอีสัน (Phu Huai Isan) เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลหมอกลอยละล่องเหนือสายน้ำโขง และขุนเขาสลับซับซ้อน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาจังหวัดหนองคาย
อ่านต่ออุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (Pa Hin Ngam National Park) จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่จะออกดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งไปทั่วผืนป่าในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี
อ่านต่อปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ปราสาทพนมวัน (Prasat Phanom Wan) อีกหนึ่งปราสาทหินเก่าแก่ในจังหวัดนครราชสีมาที่สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นเทวสถาน ปราสาทหินแห่งนี้ถือเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย
อ่านต่อ5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย
จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อวัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อน้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อเกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ