- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
- อ่าน (5,075)
- ByWebmaster
- 16:46:28 | 30 ก.ย. 2563
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
Thai Farmers Lifestyle and Spiritual Learning Center, Suphanburi, Thailand
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (Thai Farmers Lifestyle and Spiritual Learning Center) หรือ นาเฮียใช้ นอกจากจะเป็นบ้านรูปแบบเรือนไทยที่งดงามท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่งนาสีเขียวแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราว และองค์ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรที่ทรงคุณค่าที่เมื่อใครมาสุพรรณไม่ควรพลาด
ประวัติ
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) มีจุดเริ่มต้นมาจากบิดาและมารดาของ คุณพิชัย เจริญธรรมรักษา (เฮียใช้ ) ที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ หนีความแห้งแล้งเข้ามาตั้งรกรากที่ตำบลสวนแตง และย้ายมาอยู่ที่อู่ยาในเวลาต่อมา มารดาของเฮียใช้ประกอบอาชีพ หาบของแลกข้าวเปลือก ขายข้าวแกง ร้านกาแฟ และร้านขายของชำ
เมื่อเฮียใช้เติบโตขึ้นก็ ได้เข้ามาช่วยครอบครัวในการรับซื้อข้าวเปลือก ในปี พ.ศ. 2540 และครอบครัวได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากรับซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการค้าโดยมีลูกๆ คอยช่วยดูแลภายใต้เครื่องหมายการค้า "เฮียใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว"
ต่อมาหลังจากบุตรชายของเฮียใช้ คือ คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา จบมัธยมศึกษาตอนปลายก็ได้ออกมาช่วยบิดาประกอบอาชีพรับซื้อข้าวเปลือกในปี พ.ศ.2534 และได้ค้นพบว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับอาชีพนี้จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ในปี พ.ศ. 2540 โดยเริ่มทำจากจุดเล็กๆ เรียนรู้ลองผิดลองถูก ค้นหาเกษตรกรที่มีความขยันซื่อสัตย์ พัฒนาระบบเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อที่จะนำมาซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูง จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้เองจึงได้ริเริ่มก่อตั้งศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องข้าว และวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต และเพื่อเป็นการตอบแทนชาวนาผู้มีพระคุณและแผ่นดินเกิดด้วย
ภายในศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยมีจุดที่น่าสนใจหลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ
เรือนหลังนี้สร้างด้วยรูปแบบที่โดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ เป็นเรือนที่มาจากความตั้งใจในการแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดินรัชกาลกาลที่ 9 ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปของพระองค์เมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ และพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่างๆ จัดแสดงพระบรมรูป และพระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี นอกจากนี้ยังมีรูปบุคคลสำคัญๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาวงการข้าวไทย การสร้างศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ
แปลงนาสาธิต
แปลงนาสาธิต เป็นการสาธิตชนิดพันธุ์ข้าวนาปรังทุกชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบัน รวมถึงสาธิตการอนุรักษ์การพัฒนาพันธุ์ข้าว โดยแปลงนาสาธิตนี้จะทำการปักดำทุกวันที่ 1 ของเดือน ด้วยกล้าเพียงต้นเดียว ต่อ 1 กอ เพื่อให้เห็นความสามารถในการแตกกอของต้นข้าว และเพื่อจะได้ศึกษาในทุกระยะการเติบโตของข้าว
แปลงนาสาธิต
เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
เป็นเรือนไทยยกพื้นสูง สร้างด้วยความประณีตบรรจง และคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วยเรือนไทย 3 หลัง คือ เรือนไทยหลังใหญ่ เรือนลูกซ้าย เรือนลูกขวา และครัวไฟซึ่งเป็นสถานที่ประกอบอาหารในอดีต ใต้ถุนของเรือนเป็นสถานที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต เช่น อุปกรณ์หีบอ้อยหลากหลายแบบ แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในอดีต
เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
เรือนพระแม่โพสพ
เป็นเรือนที่จัดแสดงพระแม่โพสพและพิธีกรรมต่างๆ ในอดีตในช่วงการทำนา เพื่อให้ชาวนาและคนรุ่นหลังเข้าใจในวัฒนธรรมที่ได้สืบต่อกันมา โดยองค์พระแม่โพสพประคองรวงข้าวนั้นทำจากไม้สักแกะสลักอย่างประณีตงดงาม สื่อความหมายถึงการทะนุถนอมประดุจแม่ประคองลูก ภายในเรือนยังมีรูปหล่อพระแม่โพสพในยุคต่างๆ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมถึงพระแม่โพสพที่หล่อในปีพ.ศ. 2500 หรือ “รุ่น 25 ศตวรรษ” ซึ่งได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่ท้องสนามหลวง
เรือนพระแม่โพสพ
ยุ้งเก็บข้าว
ยุ้งเก็บข้าวจำลองแบบจากอดีตมาอย่างครบถ้วน ภายในยุ้งยังได้มีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการทำนา เครื่องมือในการดักจับปลา และเครื่องมือ ในการทำงานไม้ รวมทั้งคอกควาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวนาไทยแต่ดั้งเดิม
คอกควายใต้ยุ้งเก็บข้าว
เรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรือนหนังสือข้าว
สร้างด้วยรูปแบบเรือนไทยทรงปั้นหยา โดยการจำลองรูปแบบให้เหมือนโรงเรียนในสมัยก่อน ภายในเรือนนี้จัดแสดงหนังสือพระราชกรณียกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 หนังสือเกี่ยวกับข้าว และองค์ความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมายสำหรับผู้ที่สนใจ
หอเตือนภัยชาวนา
เป็นหอคอยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง สูง 3 ชั้น ความสูง 14.5 เมตร ออกแบบด้วยความประณีต มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักผู้เข้าชมจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย และยังเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามจุดหนึ่งของศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
ด้านขวามือในภาพคือหอเตือนภัยชาวนา
ร้านโชห่วย หรือร้านขายของในอดีต
เป็นส่วนที่จำลองรูปแบบของร้านค้าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางสินค้า โต๊ะและ เก้าอี้ รวมถึงสินค้าที่เคยจำหน่ายในสมัยก่อน ซึ่งช่วยกระตุ้นความทรงจำเก่าๆ และสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี
ศูนย์จำหน่ายอาหารและของฝาก
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อของกินของฝากเพื่อสุขภาพติดไม้ติดมือกลับบ้านได้จากที่นี่ ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับข้าวสายพันธุ์ต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวเหลืองอ่อน ข้าวเหนียวลืมผัว รวมถึงผักต่างๆ ที่ปลูกในโรงเรือนปลอดสารเคมีด้วย
การเดินทางไปยังตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุพรรณบุรี มีระยะทาง 105 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
- รถไฟ (Train) จากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปสถานีรถไฟจังหวัดสุพรรณบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 36 นาที
การเดินทางไปศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรี 10 กิโลเมตร ไม่มีรถสาธารณะผ่าน หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถขับหรือเหมารถให้ไปส่ง
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
บรรยากาศโดยรอบศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
ต้นกล้าถูกปลูกเรียงเป็นแผนที่ประเทศไทยอย่างสวยงาม
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
สิ่งที่ไม่อาจพลาดไปได้เมื่อมาเที่ยวที่นี่คือหอเตือนภัยชาวนาความสูงสามชั้นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามของศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพและถ่ายภาพบนนั้นได้ มีความแข็งแรง ปลอดภัย สามารถรับน้ำหนักนักท่องเที่ยวได้ทีละหลายๆ คน
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการชมการปักดำต้นข้าว ทุกวันที่ 1 ของเดือนจะมีการปักดำที่แปลงนาสาธิต
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
(Thai Farmers Lifestyle and Spiritual Learning Center, Suphanburi, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : 150/2 หมู่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
โทรศัพท์ : (+66) 092-6261515
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวในสุพรรณบุรี http://www.tatsuphan.net/
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
น้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
น้ำตกไทรโยคใหญ่ (Sai Yok Yai Waterfall) เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี ด้วยความงามของม่านน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลรินลงมาจากหน้าผาสูงและกลายเป็นสายน้ำที่ทอดยาว รายล้อมไปด้วยป่าไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี
อ่านต่อต้นจามจุรียักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Monkey Pod Tree) อายุกว่า 100 ปี ที่ยืนตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองกาญจนบุรีในปัจจุบัน
อ่านต่อคู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์
การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
อ่านต่อสวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย
อ่านต่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ
อ่านต่อน้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง
อ่านต่อตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย
อ่านต่อตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้
อ่านต่อวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967
อ่านต่อวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย
อ่านต่อ