- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
- อ่าน (5,583)
- ByWebmaster
- 16:46:28 | 30 ก.ย. 2563
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
Thai Farmers Lifestyle and Spiritual Learning Center, Suphanburi, Thailand
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (Thai Farmers Lifestyle and Spiritual Learning Center) หรือ นาเฮียใช้ นอกจากจะเป็นบ้านรูปแบบเรือนไทยที่งดงามท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่งนาสีเขียวแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราว และองค์ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรที่ทรงคุณค่าที่เมื่อใครมาสุพรรณไม่ควรพลาด
ประวัติ
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) มีจุดเริ่มต้นมาจากบิดาและมารดาของ คุณพิชัย เจริญธรรมรักษา (เฮียใช้ ) ที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ หนีความแห้งแล้งเข้ามาตั้งรกรากที่ตำบลสวนแตง และย้ายมาอยู่ที่อู่ยาในเวลาต่อมา มารดาของเฮียใช้ประกอบอาชีพ หาบของแลกข้าวเปลือก ขายข้าวแกง ร้านกาแฟ และร้านขายของชำ
เมื่อเฮียใช้เติบโตขึ้นก็ ได้เข้ามาช่วยครอบครัวในการรับซื้อข้าวเปลือก ในปี พ.ศ. 2540 และครอบครัวได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากรับซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อการค้าโดยมีลูกๆ คอยช่วยดูแลภายใต้เครื่องหมายการค้า "เฮียใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว"
ต่อมาหลังจากบุตรชายของเฮียใช้ คือ คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา จบมัธยมศึกษาตอนปลายก็ได้ออกมาช่วยบิดาประกอบอาชีพรับซื้อข้าวเปลือกในปี พ.ศ.2534 และได้ค้นพบว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับอาชีพนี้จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ จากซื้อข้าวเปลือกมาเป็นการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ในปี พ.ศ. 2540 โดยเริ่มทำจากจุดเล็กๆ เรียนรู้ลองผิดลองถูก ค้นหาเกษตรกรที่มีความขยันซื่อสัตย์ พัฒนาระบบเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อที่จะนำมาซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีความบริสุทธิ์สูง จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้เองจึงได้ริเริ่มก่อตั้งศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องข้าว และวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต และเพื่อเป็นการตอบแทนชาวนาผู้มีพระคุณและแผ่นดินเกิดด้วย
ภายในศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยมีจุดที่น่าสนใจหลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ
เรือนหลังนี้สร้างด้วยรูปแบบที่โดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ เป็นเรือนที่มาจากความตั้งใจในการแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดินรัชกาลกาลที่ 9 ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปของพระองค์เมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ และพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่างๆ จัดแสดงพระบรมรูป และพระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี นอกจากนี้ยังมีรูปบุคคลสำคัญๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาวงการข้าวไทย การสร้างศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ
แปลงนาสาธิต
แปลงนาสาธิต เป็นการสาธิตชนิดพันธุ์ข้าวนาปรังทุกชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบัน รวมถึงสาธิตการอนุรักษ์การพัฒนาพันธุ์ข้าว โดยแปลงนาสาธิตนี้จะทำการปักดำทุกวันที่ 1 ของเดือน ด้วยกล้าเพียงต้นเดียว ต่อ 1 กอ เพื่อให้เห็นความสามารถในการแตกกอของต้นข้าว และเพื่อจะได้ศึกษาในทุกระยะการเติบโตของข้าว
แปลงนาสาธิต
เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
เป็นเรือนไทยยกพื้นสูง สร้างด้วยความประณีตบรรจง และคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วยเรือนไทย 3 หลัง คือ เรือนไทยหลังใหญ่ เรือนลูกซ้าย เรือนลูกขวา และครัวไฟซึ่งเป็นสถานที่ประกอบอาหารในอดีต ใต้ถุนของเรือนเป็นสถานที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต เช่น อุปกรณ์หีบอ้อยหลากหลายแบบ แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในอดีต
เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
เรือนพระแม่โพสพ
เป็นเรือนที่จัดแสดงพระแม่โพสพและพิธีกรรมต่างๆ ในอดีตในช่วงการทำนา เพื่อให้ชาวนาและคนรุ่นหลังเข้าใจในวัฒนธรรมที่ได้สืบต่อกันมา โดยองค์พระแม่โพสพประคองรวงข้าวนั้นทำจากไม้สักแกะสลักอย่างประณีตงดงาม สื่อความหมายถึงการทะนุถนอมประดุจแม่ประคองลูก ภายในเรือนยังมีรูปหล่อพระแม่โพสพในยุคต่างๆ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมถึงพระแม่โพสพที่หล่อในปีพ.ศ. 2500 หรือ “รุ่น 25 ศตวรรษ” ซึ่งได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่ท้องสนามหลวง
เรือนพระแม่โพสพ
ยุ้งเก็บข้าว
ยุ้งเก็บข้าวจำลองแบบจากอดีตมาอย่างครบถ้วน ภายในยุ้งยังได้มีการจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการทำนา เครื่องมือในการดักจับปลา และเครื่องมือ ในการทำงานไม้ รวมทั้งคอกควาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวนาไทยแต่ดั้งเดิม
คอกควายใต้ยุ้งเก็บข้าว
เรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรือนหนังสือข้าว
สร้างด้วยรูปแบบเรือนไทยทรงปั้นหยา โดยการจำลองรูปแบบให้เหมือนโรงเรียนในสมัยก่อน ภายในเรือนนี้จัดแสดงหนังสือพระราชกรณียกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 หนังสือเกี่ยวกับข้าว และองค์ความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมายสำหรับผู้ที่สนใจ
หอเตือนภัยชาวนา
เป็นหอคอยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง สูง 3 ชั้น ความสูง 14.5 เมตร ออกแบบด้วยความประณีต มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักผู้เข้าชมจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย และยังเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามจุดหนึ่งของศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
ด้านขวามือในภาพคือหอเตือนภัยชาวนา
ร้านโชห่วย หรือร้านขายของในอดีต
เป็นส่วนที่จำลองรูปแบบของร้านค้าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางสินค้า โต๊ะและ เก้าอี้ รวมถึงสินค้าที่เคยจำหน่ายในสมัยก่อน ซึ่งช่วยกระตุ้นความทรงจำเก่าๆ และสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี
ศูนย์จำหน่ายอาหารและของฝาก
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อของกินของฝากเพื่อสุขภาพติดไม้ติดมือกลับบ้านได้จากที่นี่ ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับข้าวสายพันธุ์ต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวเหลืองอ่อน ข้าวเหนียวลืมผัว รวมถึงผักต่างๆ ที่ปลูกในโรงเรือนปลอดสารเคมีด้วย
การเดินทางไปยังตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุพรรณบุรี มีระยะทาง 105 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
- รถไฟ (Train) จากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปสถานีรถไฟจังหวัดสุพรรณบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 36 นาที
การเดินทางไปศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรี 10 กิโลเมตร ไม่มีรถสาธารณะผ่าน หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวนักท่องเที่ยวต้องเช่ารถขับหรือเหมารถให้ไปส่ง
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
บรรยากาศโดยรอบศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
ต้นกล้าถูกปลูกเรียงเป็นแผนที่ประเทศไทยอย่างสวยงาม
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
สิ่งที่ไม่อาจพลาดไปได้เมื่อมาเที่ยวที่นี่คือหอเตือนภัยชาวนาความสูงสามชั้นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามของศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพและถ่ายภาพบนนั้นได้ มีความแข็งแรง ปลอดภัย สามารถรับน้ำหนักนักท่องเที่ยวได้ทีละหลายๆ คน
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการชมการปักดำต้นข้าว ทุกวันที่ 1 ของเดือนจะมีการปักดำที่แปลงนาสาธิต
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย
(Thai Farmers Lifestyle and Spiritual Learning Center, Suphanburi, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : 150/2 หมู่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
โทรศัพท์ : (+66) 092-6261515
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวในสุพรรณบุรี http://www.tatsuphan.net/
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
พิจิตร จังหวัดเล็กๆ ที่ซ่อนเสน่ห์เอาไว้มากมาย และไม่ได้มีแค่บึงสีไฟเพียงอย่างเดียว เพราะเมืองชาละวันแห่งนี้มีทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นที่น่าสนใจ บทความนี้ Palanla จะพาไปเปิดมุมมองใหม่กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนพิจิตร
อ่านต่อวัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดหิรัญญาราม (Wat Hiranyaram) หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในชื่อ วัดบางคลาน (Wat Bang Khlan) เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่รู้จักจาก หลวงพ่อเงิน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีผู้คนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
อ่านต่ออุทยานเมืองเก่าพิจิตร จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร (Pichit Historical Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เชื่อกันว่าเดิมทีบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของเมืองพิจิตรเก่า
อ่านต่อวัดนครชุม จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดนครชุม (Wat Nakhon Chum) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยเคยเป็นวัดสำคัญของเมืองพิจิตรในอดีต
อ่านต่อวัดเขารูปช้าง จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
วัดเขารูปช้าง (Wat Khao Rup Chang) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดพิจิตรที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา บนยอดเขาที่มีหินสีขาวซ้อนกันเป็นรูปช้างคุกเข่าโดดเด่นด้วยเจดีย์แบบลังกา ประดับกระเบื้องเคลือบสีทองทั้งองค์
อ่านต่อทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
ทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น (Giant Siam Tulip Field Baan Khao Loan) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อดอกกระเจียวสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งทุ่ง
อ่านต่อตลาดย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย
ตลาดย่านเก่าวังกรด ( Yan Kao Wang Krot Market) ตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ณ ย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยที่เรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้เก่าแก่สวยงาม พร้อมทั้งหอนาฬิกาที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของชุมชน
อ่านต่อน้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
น้ำตกไทรโยคใหญ่ (Sai Yok Yai Waterfall) เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี ด้วยความงามของม่านน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลรินลงมาจากหน้าผาสูงและกลายเป็นสายน้ำที่ทอดยาว รายล้อมไปด้วยป่าไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี
อ่านต่อต้นจามจุรียักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Monkey Pod Tree) อายุกว่า 100 ปี ที่ยืนตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองกาญจนบุรีในปัจจุบัน
อ่านต่อคู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์
การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
อ่านต่อ