เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่าคุกกี้"
ปราสาทนาโกย่า เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
Nagoya Castle, Nagoya, Japan
ทัศนียภาพของสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในปราสาทนาโกย่า
ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) ปราสาทแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติแห่งนี้ มีทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม งานศิลป์ ฯลฯ ที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ของเมืองนาโกย่าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริเวณโดยรอบของปราสาทยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดของเมืองด้วย
แผนที่ตั้ง ปราสาทนาโกย่า เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
ประวัติ
สถาปัตยกรรมของตัวปราสาทหลัก
ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) สร้างขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1610 ยุคสมัยเอโดะ (Edo-Jidai) โดย โชกุนโตกุงาวะ อิเอะยาสุ (Tokugawa Ieyasu) ผู้มีอิทธิพลมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่นสมัยนั้น โดยปราสาทแห่งนี้ได้รับการสร้างด้วยการเกณฑ์เจ้าเมือง 20 คนที่ปกครองเมืองต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น และเคยมีการแข็งข้อต่อการเข้ายึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของ โชกุนโตกุงาวะ อิเอะยาสุ ให้สรรหาทรัพยากร นายช่าง กำลังคน ฯลฯ มาเพื่อดำเนินการสร้างปราสาท โดยมีจุดมุ่งหมายแอบแฝงคือเพื่อลดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพทางด้านกองทัพของบรรดาเจ้าเมืองเหล่านี้ที่อาจจะเป็นภัยต่อการปกครองของโชกุนได้ และในช่วงเริ่มสร้างได้เคยมีการสังหารผู้นำที่ขัดขืน หรือมีท่าทีไม่เต็มใจกับบทบาทหน้าที่ใหม่ที่ต้องรับผิดชอบนี้ด้วย ทำให้ตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง บรรดาเจ้าเมืองจึงได้มีการแกะสลักตราประจำตระกูลไว้บนก้อนหินที่นำมาใช้ก่อสร้างฐานรากของปราสาทหลัก และตัวกำแพงของปราสาท เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีของตัวเองที่มีให้กับโชกุน โดยตราประจำตระกูลอันเก่าแก่เหล่านี้ยังสามารถพบเห็นได้ตามชั้นหินที่ปรากฎอยู่ทั่วปราสาทในปัจจุบัน และเป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับด้านสัญลักษณ์โบราณของประเทศญี่ปุ่นชั้นดี
ประติมากรรมรูป โชกุนโตกุงาวะ อิเอะยาสุ ผู้ปกครองประเทศญี่ปุ่นในสมัยยุคเอโดะ
โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ใช้ในการสร้างปราสาทแห่งนี้นั้น ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียของหยาดเหงื่อแรงงานที่ถูกใช้งานเยี่ยงทาส เลือดเนื้อของผู้เห็นต่างและไม่ยอมอ่อนข้อต่อระบบการปกครองที่กดขี่คนชั้นล่างอย่างไม่เป็นธรรม ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายจนเหี้ยนเตียน จนได้รับการบันทึกว่าเป็นประวัติศาสตร์อันมืดหม่นของปราสาทแห่งนี้เลยทีเดียว ก่อนที่ปราสาทแห่งนี้ จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1612 และกลายปราสาทที่สวยงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
สถาปัตยกรรมอันสวยงามของปราสาทนาโกย่า
ประติมากรรมคินซาฉิ สัตว์ในตำนานซึ่งเป็นที่นับถือของคนญี่ปุ่น
โดยสถาปัตยกรรมของตัวปราสาทหลักจะมีลักษณะเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน 5 ป้อม ใช้หลังคาสีเขียวปูเป็นหน้าจั่วตามป้อมปราสาทที่ต่อกันไปเป็นชั้นๆ และที่บริเวณยอดบนสุดของปราสาทจะประดับด้วยประติมากรรมคินซาฉิ (Kinshachi) สัตว์ในตำนานของญี่ปุ่นที่มีหัวเป็นเสือ แต่ลำตัวเป็นปลาคาร์ฟ ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สามารถเรียกน้ำมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ตามตำนานปรัมปราที่เล่าสืบกันมา จึงถูกนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันไฟร้ายที่ชาวเมืองเชื่อว่าจะลุกไหม้ขึ้นมาทำลายเมืองได้ โดย คินซาฉิ ที่ตั้งอยู่บนยอดปราสาทนาโกย่านั้นมีขนาดสูงถึง 2.7 เมตร ทำด้วยทองคำที่มีน้ำหนักรวมถึง 90 กิโลกรัม ถือเป็นประติมากรรมที่บ่งบองถึงความมั่งคั่งของตระกูลโตะกุงาวะ (Tokugawa) ที่ปกครองประเทศญี่ปุ่นในยุคเอโดะได้เป็นอย่างดี
โครงสร้างภายนอกของพระราชวังฮอมมารุ
ลายจิตกรรมอันวิจิตรของฉากกั้นห้องทองคำที่วาดโดยปลายพู่กันของช่างศิลป์ระดับปรมาจารย์
ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณพื้นที่ของปราสาทนาโกย่ายังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และงดงามไม่แพ้ตัวปราสาทหลักอีกหลังอย่าง พระราชวังฮอมมารุ (Honmmaru Palace) สถาปัตยกรรมที่มีความเรียบง่าย ปราณีต เปี่ยมไปด้วยแง่งามทางศิลปะทั้งภายใน และภายนอก โดยพระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างด้วยวัสดุหลักอย่างไม้สนหอมฮิโนกิ ภายในจะมีฉากกั้นห้องทองคำลายจิตกรรมรูปเสือ เสือดาว นก สัตว์มงคลที่ชาวญี่ปุ่นนับถือ ต้นไม้ และดอกไม้ ที่วาดโดยปลายพู่กันของช่างศิลป์ระดับปรมาจารย์ของประเทศในยุคเอโดะ ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วท้องพระโรงหลัก โถงทางเข้า ทางเดินภายในพระราชวัง โดยหลังสร้างเสร็จพระราชวังแห่งนี้ก็ถูกประกาศให้ใช้เป็นที่รับรองของ โชกุนโตกุงาวะ อิเอะยาสุ เท่านั้น ทำให้เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี และในปี ค.ศ. 1930 กระทรวงทรัพย์สินแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น (The Imperial Household Ministry) ก็ได้ทำการขึ้นทะเบียนให้ปราสาทนาโกย่าเป็นสมบัติแห่งชาติ (National Treasures of Japan) และกลายเป็นปราสาทแห่งแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น
ป้อมปราการที่ตั้งอยู่ภายในปราสาทนาโกย่า
ต่อมาวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สองกำลังจะถึงบทสรุป ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะแพ้ในสงครามที่ต่อสู้มาอย่างยาวนาน กองทัพเครื่องบินของประเทศอเมริกาได้ยกขบวนมาทิ้งระเบิดฝูงใหญ่ที่ปราสาทนาโกย่าซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่บัญชาการการรบหลัก ณ ตอนนั้น เป็นเหตุให้สถาปัตยกรรมทุกอย่างภายในปราสาทถูกทำลายหมด เหลือเพียงโครงสร้างอาคารไม่กี่แห่ง และซากกำแพงที่ยังคงเหลือรอด จนผ่านมาถึงปีค.ศ. 1957 เมื่อประเทศญี่ปุ่นเริ่มกลับมาฟื้นฟูตัวเองได้อีกครั้ง ประกอบกับเสียงเรียกร้องของชาวเมือง ทำให้มีการสร้างปราสาทนาโกย่าขึ้นมาใหม่ โดยคงต้นแบบเดิมทุกประการ ทั้งวัสดุที่ใช้ รูปทรงทางสถาปัตยกรรม แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยอย่างการจัดเรียงฐานหิน หรือจำนวนแผ่นปูกำแพงก็ได้รับการคำนวณให้ออกมาเหมือนกับตัวปราสาทเดิมแบบทุกกระเบียดนิ้ว โดยปราสาทหลักบูรณะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1959 ส่วนพระราชวังฮอมมารุก็ได้รับการบูรณะแล้วเสร็จตามมาในปี ค.ศ. 2018 แต่มีตัวปราสาทหลักที่มีการเปลี่ยนพื้นที่ภายในให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองนาโกย่า มีประติมากรรมจำลองต้นแบบของตัวปราสาท วัตถุโบราณที่ถูกใช้ในสมัยก่อสร้างปราสาท ฯลฯ และชั้น 7 ของปราสาทหลักจะเป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นตัวเมืองนาโกย่าได้ทั่วทิศทาง มีร้านขายของที่ระลึก โดยพื้นที่ภายในปราสาทหลักจะได้รับการติดแอร์เพื่อความเย็นสบายสำหรับผู้เข้าชม
ทางเดินที่ขนาบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นภายในปราสาท
อีกหนึ่งความงดงามของปราสาทนาโกย่าคือพื้นที่ธรรมชาติที่กระจายตัวอยู่โดยรอบปราสาททั้งสวนมิโนมารุ (Ninomaru) ที่มีทั้งต้นไม้ สายน้ำ ฯลฯ และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างเวลามาที่ปราสาทนาโกย่าคือต้นซากุระนับพันของปราสาทที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกซากุระบานสะพรั่งตัดกับทัศนียภาพของสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในปราสาทดูงดงามที่สุด จนปฎิเสธไม่ได้ว่าปราสาทนาโกย่าแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กอันดับหนึ่งที่เป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทุกคนที่มานาโกย่าแน่นอน
การเดินทางจากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ไปยังศูนย์กลางคมนาคมสาธารณะของเมืองนาโกย่า
การเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นจากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์สามารถทำได้อย่างสะดวก เพราะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วโดยสารระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทเรียงรายอยู่บริเวณเดียวกับอาคารผู้โดยสารขาเข้า
- รถยนต์ จากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ ไปยังศูนย์กลางคมนาคมสาธารณะของเมืองนาโกย่า ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที อ่านบทความเกี่ยวกับการเช่าและใช้รถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นได้ที่ https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=602
- รถบัส จากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ให้เดินไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถบัส (Centrair Bus Terminal) ที่ป้ายรอรถบัสหมายเลข 6 ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมงกับอีก 15 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.centrair.jp/en/access/bus.html
- รถไฟ จากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ให้เดินไปขึ้นรถไฟที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า เพื่อไปลงที่สถานี Nagoya Station ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที สามารถตรวจสอบตารางเวลาการเดินรถ ราคา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.centrair.jp/en/access/train.html
อ่านบทความวิธีเดินทางเข้าเมืองนาโกย่าจากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ อย่างละเอียดได้ที่ https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=736
การเดินทางจากศูนย์กลางคมนาคมสาธารณะของเมืองนาโกย่าไปยังปราสาทนาโกย่า
- รถยนต์ จาก Nagoya Station ไปยังปราสาทนาโกย่า ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 นาที
- รถบัส จาก Nagoya Station ให้ขึ้นรถเมล์หมายเลข 14 ที่ป้ายจอดรถบัสประจำสถานี Nagoya Station เพื่อไปลงที่ป้าย Shiyakusho Bus Stop ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงปราสาทนาโกย่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17 นาที
- รถไฟ จาก Nagoya Station ให้ขึ้นรถไฟสาย Sakuradori Line ไปลงที่สถานี Hisayaodori Station แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Meijo Line เพื่อไปลงที่สถานี Shiyakusho Station ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงปราสาทนาโกย่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 นาที
เวลาเปิด-ปิดทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09:00 น. – 16:30 น. (ปิดทำการวันที่ 29 ธ.ค. – 1 ม.ค. ของทุกปี)
ทางเดินริมป้อมปราการปราสาท
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ ราคา 500 เยน / เด็กอายุ 15 ปีลงไป เข้าชมฟรี / ปัจจุบันพื้นที่ภายในของตัวปราสาทกลางมีการปิดปรับปรุงจนถึงปี ค.ศ. 2022 แต่ส่วนอื่นของปราสาทยังคงเปิดให้เข้าชมได้ปกติ
เคาน์เตอร์ขายตั๋วด้านหน้าปราสาทนาโกย่า
เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว
ปราสาทนาโกย่าถือเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า โยซากุระ (Yozakura) เป็นการชมดอกซากุระบานสะพรั่งที่ประดับไปด้วยสายไฟสวยงาม ซึ่งเปิดให้ชมกันตั้งแต่เวลา 09:00 AM – 04:00 PM
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมปราสาทนาโกย่ากันคึกคักตลอดทั้งวัน
โครงสร้างอาคารอันเรียบง่ายแต่สวยงามของพระราชวังฮอมมารุ
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว ปราสาทนาโกย่า สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ปราสาทนาโกย่า เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
(Nagoya Castle, Nagoya, Japan)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ ราคา 500 เยน / เด็กอายุ 15 ปีลงไป เข้าชมฟรี
ปัจจุบันพื้นที่ภายในของตัวปราสาทกลางมีการปิดปรับปรุงจนถึงปี ค.ศ. 2022
แต่ส่วนอื่นของปราสาทยังคงเปิดให้เข้าชมได้ปกติ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09:00 น. – 16:30 น. (ปิดทำการวันที่ 29 ธ.ค. – 1 ม.ค. ของทุกปี)
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : มี.ค. – ม.ย.
สถานที่ตั้ง : เมืองนาโกย่า, ประเทศญี่ปุ่น
โทรศัพท์ : (+81) 52-231-1700
เว็ปไซต์ : https://www.nagoyajo.city.nagoya.jp/
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/
เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองนาโกย่า https://www.nagoya-info.jp/th/information/
เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนของประเทศญี่ปุ่น http://www.hyperdia.com/
เจ้าแม่กวนอิมแห่งไท่หู (Guanyin of Taihu) ประดิษฐานอยู่ภายในพื้นที่ของ Great Ruyi Holy Land บนเกาะซีซาน (Xishan Island) ทางทิศใต้ของทะเลสาบไท่หู (Taihu Lake) มณฑลเจียงซู ประเทศจีน
อ่านต่อเจ้าแม่กวนอิม แห่งเขาซีเฉียว (Guanyin of Mount Xiqiao) เป็นประติมากรรมแบบจีนรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศจีน มีความสูงประมาณ 77 เมตรรวมฐาน ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาซีเฉียว เขตหนานไห่ เมืองฝัวซาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
อ่านต่อผู่โถวซาน หรือ เกาะผู่โถว เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในส่วนตะวันออกของเมืองโจวซาน มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยอยู่ทางตอนใต้ของนครเซี่ยงไฮ้ ผู่โถวซานเป็น 1 ใน 4 พุทธคีรีหรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของจีน ชาวพุทธจีนเชื่อกันว่าผู่โถวซานเป็นที่ประทับและตรัสรู้ของพระโพธิสัตว์กวนอิมหรือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ดังนั้นจึงมีผู้แสวงบุญจากทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาในเจ้าแม่กวนอิมเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้เพื่อสักการะขอพรอยู่โดยตลอด
อ่านต่อในโลกที่ความยิ่งใหญ่และความสง่างามมาบรรจบกัน มีการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง ซึ่งท้าทายขีดจำกัดของความเชื่อและความสำเร็จของมนุษย์ นั่นคือพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความศรัทธา และความทุ่มเทที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของคนในชาติต่างๆ Palanla จะพาคุณออกเดินทางไปสำรวจ 10 อันดับพระพุทธรูปที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก มาค้นหาความหมายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ฝังอยู่ในสิ่งก่อสร้างอันงดงามเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน มีผู้เคารพนับถือบูชาในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม รวมทั้งไทย โดยมีความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตา กรุณา และความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ในบทความนี้ Palanla จะพาไปสำรวจ 10 อันดับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกในปัจจุบัน
อ่านต่อหลวงพ่อสัจจธรรม (Great Buddha Dordenma) เป็นพระพุทธรูปที่อยู่สูงที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่ที่กรุงทิมพู ประเทศภูฏาน ดินแดนแห่งเทือกเขาหิมาลัย
อ่านต่อไดคันนงแห่งสวนคิตะโนะมิยาโกะ (Dai Kannon of Kita no Miyako Park) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฮอกไกโดคันนง เป็นรูปปั้นของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิม ที่ตั้งอยู่ในสวนคิตะโนะมิยาโกะ บนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น รูปปั้นไดคันนงแห่งสวนคิตะโนะมิยาโกะ เคยเป็นรูปปั้นที่เคยสูงที่สุดในโลกเมื่อเปิดให้เข้าชมในปีค.ศ.1989
อ่านต่อเจ้าแม่กวนอิมแห่งหนานชาน หรือ พระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งเกาะไหหลำ (Guanyin of Nanshan) ได้รับการจดบันทึกในกินเนสบุ๊คว่า เป็นเจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ใกล้กับวัดหนานชานแห่งเมืองซานย่า บนชายฝั่งทางตอนใต้ของมณฑลไห่หนาน ประเทศจีน
อ่านต่อพระใหญ่จงหยวน หรือนิยมเรียกในชื่อ Spring Temple Buddha ที่แปลว่า พระพุทธรูปวัดบ่อน้ำพุ ถือเป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่ที่วัดฟัวเฉวียน ในเมืองหลู่ซัน มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน
อ่านต่อพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือแห่งกุยชาน (Guishan Guanyin) มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เป็นประติมากรรมเจ้าแม่กวนอิมความสูง 99.19 เมตร ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในโลก
อ่านต่อเจ้าแม่กวนอิมแห่งไท่หู (Guanyin of Taihu) ประดิษฐานอยู่ภายในพื้นที่ของ Great Ruyi Holy Land บนเกาะซีซาน (Xishan Island) ทางทิศใต้ของทะเลสาบไท่หู (Taihu Lake) มณฑลเจียงซู ประเทศจีน
อ่านต่อเจ้าแม่กวนอิม แห่งเขาซีเฉียว (Guanyin of Mount Xiqiao) เป็นประติมากรรมแบบจีนรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศจีน มีความสูงประมาณ 77 เมตรรวมฐาน ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาซีเฉียว เขตหนานไห่ เมืองฝัวซาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
อ่านต่อผู่โถวซาน หรือ เกาะผู่โถว เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในส่วนตะวันออกของเมืองโจวซาน มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยอยู่ทางตอนใต้ของนครเซี่ยงไฮ้ ผู่โถวซานเป็น 1 ใน 4 พุทธคีรีหรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของจีน ชาวพุทธจีนเชื่อกันว่าผู่โถวซานเป็นที่ประทับและตรัสรู้ของพระโพธิสัตว์กวนอิมหรือเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ดังนั้นจึงมีผู้แสวงบุญจากทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาในเจ้าแม่กวนอิมเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้เพื่อสักการะขอพรอยู่โดยตลอด
อ่านต่อในโลกที่ความยิ่งใหญ่และความสง่างามมาบรรจบกัน มีการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง ซึ่งท้าทายขีดจำกัดของความเชื่อและความสำเร็จของมนุษย์ นั่นคือพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความศรัทธา และความทุ่มเทที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของคนในชาติต่างๆ Palanla จะพาคุณออกเดินทางไปสำรวจ 10 อันดับพระพุทธรูปที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก มาค้นหาความหมายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ฝังอยู่ในสิ่งก่อสร้างอันงดงามเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน
อ่านต่อเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน มีผู้เคารพนับถือบูชาในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม รวมทั้งไทย โดยมีความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตา กรุณา และความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ในบทความนี้ Palanla จะพาไปสำรวจ 10 อันดับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกในปัจจุบัน
อ่านต่อหลวงพ่อสัจจธรรม (Great Buddha Dordenma) เป็นพระพุทธรูปที่อยู่สูงที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่ที่กรุงทิมพู ประเทศภูฏาน ดินแดนแห่งเทือกเขาหิมาลัย
อ่านต่อ