- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
- อ่าน (5,685)
- By Webmaster
- 10:08:47 | 30 ม.ค. 2567
15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Top 15 Travel Destinations in Osaka, Japan
โอซาก้า เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ทั้งยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันหนาแน่น ตลอดปี เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย แลนด์มาร์กสำคัญระดับโลก สถาปัตยกรรมสวยๆ ที่แสดงออกมาผ่านอาคาร บ้านเรือน รวมถึงโอซาก้ายังมีจุดเด่นในเรื่องของอาหาร การกิน ที่ขึ้นชื่อว่าอุดมสมบูรณ์ เพราะมีย่านของกินอร่อยๆ แทรกตัวอยู่แทบทุกพื้นที่ จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในจังหวัดที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะของตัวเองที่มีเรื่องราว และสถานที่ให้ได้ไปเยี่ยมชมและเรียนรู้มากมาย
แผนที่แสดงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดโอซาก้าโดยมีปราสาทโอซาก้าเป็นแลนด์มาร์กหลักประจำจังหวัด
1. Kuromon Ichiba Market (ตลาดคุโรมง)
ตลาดประจำเมืองที่ได้ฉายาว่า “ห้องครัวแห่งโอซาก้า” เพราะเต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ จากวัตถุดิบหลากหลาย มีคุณภาพ และส่งตรงมาจากพื้นที่ในแถบของเมืองโดยตรง ซึ่งจุดเด่นของที่นี่จะเป็นอาหารทะเลสด เนื้อวัวชั้นดี และร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่อยู่กับตลาดมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ทำให้รับประกันว่าจะได้ทานอาหารที่อร่อย มีรสชาติตามแบบฉบับท้องถิ่นของเมือง และร้านส่วนใหญ่พร้อมที่จะนำวัตถุดิบในร้าน มาปรุงให้เรากินกันทันที นอกจากนั้น ตลาดยังมีผลไม้ตามฤดูกาล ที่หากินได้ยากอย่าง สตรอว์เบอร์รีสีขาว ขนมญี่ปุ่น ฯลฯ ชนิดที่มาเดินแล้ว รับรองว่าอิ่มท้องจนมีแรงไปเที่ยวที่อื่นต่อได้อีกทั้งวันแน่นอน
ค่าเข้าชม : ตลาดคุโรมงเปิดให้เข้าไปเดินเล่นได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ช่วงที่ตลาดคึกคักที่สุด และร้านค้าส่วนใหญ่เปิดทั้งหมดจะเป็นเวลา 09.30 น. – 18.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) ไปลงที่สถานี Namba Station (M20) แล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร ก็จะถึงตลาดคุโรมง
พิกัด GPS : 34°39'53.6"N 135°30'25.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดคุโรมง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=487
2. Tsutenkaku Tower (หอคอยซึเทนคาคุ)
หอคอยที่สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1912 ตั้งอยู่ในย่านสำคัญของเมืองโอซาก้าอย่างย่าน ชินเซไก (Shinsekai) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กหลักประจำเมืองโอซาก้ามายาวนาน ปัจจุบันหอคอยแห่งนี้มีความสูง 108 เมตร ภายในจะมีทั้งหมด 5 ชั้น ทั้งจุดชมวิวในร่มที่ความสูง 91 เมตร พิพิธภัณฑ์แสดงประวัติของหอคอย ร้านขายของที่ระลึก และมุมถ่ายรูปสวยๆ รวมถึงบริเวณใกล้เคียงยังมีร้านอาหารสไตล์ คุชิคัทซึ (Kushikatsu) อาหารประเภทชุบแป้งทอดเสียบไม้อันขึ้นชื่อของเมือง ที่นักท่องเที่ยวซึ่งมาย่านนี้ ต้องมาลองกินกันเป็นประจำ
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมภายในหอคอยสำหรับ ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็ก 300 เยน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมในหอคอยเวลา 09.00 น. – 21.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) ไปลงที่สถานี Dobutsuen Mae Station (M22) แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตรก็จะถึงหอคอยซึเทนคาคุ
พิกัด GPS : 34°39'09.1"N 135°30'22.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หอคอยซึเทนคาคุ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=490
3. Harukas 300 (ฮารุกัส)
เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในอาคาร Abeno Harukas ของชั้น 58 - 60 แบ่งออกเป็นสามโซนหลัก เริ่มจากชั้น 58 (Sky Gerden 300) ที่จะมีลานชมวิวแบบเปิดโล่ง ให้เราได้สัมผัสความสวยงามของเมืองโอซาก้าแบบเต็มที่ ส่วนชั้น 59 จะมีร้านขายของที่ระลึกที่มีของน่ารักๆ ให้เลือกซื้อมากมาย และชั้น 60 จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำอย่างการขึ้นไปชมวิวของเมืองโอซาก้าจากริมขอบตึก หรือขึ้นไปชมวิวจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของอาคารได้อีกด้วย ทำให้ที่นี่ถูกยกให้เป็นจุดชมวิวที่น่ามาที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้าเลยทีเดียว
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 1,500 เยน, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 1,200 เยน, ชั้นประถมศึกษา 700 เยน, เด็ก (4 - 5 ขวบ) 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00 น. – 22.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) เพื่อไปลงที่สถานี Tennoji Station (M23) แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงฮารุกัส
พิกัด GPS : 34°38'44.8"N 135°30'51.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ จุดชมวิวฮารุกัส ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=492
4. Osaka Castle (ปราสาทโอซาก้า)
ปราสาทที่เป็นภาพจำสำคัญซึ่งบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ และประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของจังหวัดโอซาก้า ตัวปราสาทกลางมีทั้งหมด 8 ชั้น แบ่งเป็นส่วนพื้นดิน 5 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น ซึ่งภายในจะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติต่างๆ ของปราสาทอย่างละเอียด มีส่วนจัดแสดงเครื่องแต่งกาย ของใช้ ฯลฯ ในสมัยโบราณ และชั้นบนสุดของปราสาทที่เคยเป็นหอสังเกตการณ์ข้าศึกในอดีต ก็ถูกปรับให้เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วย ธรรมชาติซึ่งโอบรอบตัวปราสาท ดูสบายตา และสวยงาม อีกทั้งปราสาทโอซาก้า ยังเต็มไปด้วยต้นซากุระที่พอถึงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะออกดอกสีชมพู ขับเน้นตัวปราสาทให้ดูงดงามมากขึ้นไปอีก
ค่าเข้าชม : สำหรับผู้ใหญ่ 600 เยน ส่วนเด็ก (ต่ำกว่า 15 ปี) เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09.00 น. – 17.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Osaka Loop Line ที่สถานี Osaka Station แล้วลงที่สถานี Osakajokoen Station ก่อนจะเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงปราสาทโอซาก้า
พิกัด GPS : 34°41'14.5"N 135°31'33.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปราสาทโอซาก้าได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=488
5. Umeda Sky Building (อาคารอุเมะดะ)
อาคารอุเมะดะ (Umeda Sky Building) เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจซึ่งเต็มไปด้วยตึกสำนักงานมากมาย โดยตัวตึกจะถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือตึกฝั่งตะวันออก (Tower East) กับตึกฝั่งตะวันตก (Tower West) และมีสะพานกับลิฟต์ที่ใช้เป็นตัวเชื่อมระหว่างตึกทั้งสองฝั่ง โดยไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่สวนลอยฟ้า (Kuchu Teien Observatory) ที่มีจุดชมวิวสวยๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นภายในอาคาร หรือลานชมวิวแบบเปิดโล่งด้านนอก ทั้งยังมีร้านอาหาร และมุมนั่งพักผ่อนสบายๆ รวมถึงยังมีย่านของกินสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ทั้งรสชาติ การตกแต่งร้าน บรรยากาศ ซึ่งตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของอาคาร ที่มีอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ให้กินมากมาย และยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเวลามีเทศกาลสำคัญๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาร่วมทำกันอยู่เป็นประจำด้วย
ค่าเข้าชม : สวนลอยฟ้า (Kuchu Teien Observatory) จะมีค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนชั้นมัธยม 700 เยน, นักเรียนชั้นประถม 500 เยน ส่วนบริเวณอื่นของอาคารเข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : สวนลอยฟ้า (Kuchu Teien Observatory) เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.30 น. – 22.30 น. (จุดจำหน่ายตั๋วปิดเวลา 22.00 น.)
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City สามารถเดินไปยัง อาคารอุเมะดะ ได้เลย ระยะทางประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที
พิกัด GPS : 34°42'19.4"N 135°29'24.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาคารอุเมะดะ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=491
6. Sumiyoshi Taisa (ศาลเจ้าสุมิโยชิ)
ศาลเจ้าที่มีความโดดเด่นในด้านของสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร ออกแบบในสไตล์ที่เรียกว่าสุมิโยชิ - ซิคุริ (Sumiyoshi - Zukuri) ที่สร้างให้โครงหลักต่างๆ ในตัวอาคารมีลักษณะเป็นทรงตรง และมีรั้วไม้ล้อมตัวศาลเจ้าทุกทิศ ต่างจากศาลเจ้าส่วนใหญ่ที่จะมีความโค้งมน และลวดลายมากกว่า และที่นี่ยังมีแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่าง สะพานไม้แดงโซริฮาชิ (Sorihashi Bridge) สะพานที่เชื่อมไปยังตัวศาลเจ้าหลัก ที่มีความสวยงาม น่าสนใจ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางความเขียวขจีละลานตาของธรรมชาติ ที่ทางศาลเจ้าจัดเอาไว้อย่างลงตัวในพื้นที่อันกว้างขวาง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างสบายๆ เพราะร่มรื่น ไม่รู้สึกเบียดเสียด ตลอดการเยี่ยมชมศาลเจ้านั่นเอง
ค่าเข้าชม : เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสักการะศาลเจ้า และเยี่ยมชมบริเวณรอบๆ ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 น. – 17.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Osaka Loop Line ที่สถานี Osaka Station เพื่อไปลงที่สถานี Sumiyoshitaisha Station แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงศาลเจ้าสุมิโยชิ
พิกัด GPS : 34°36'45.1"N 135°29'35.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลเจ้าสุมิโยชิ ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=523
7. Osaka Aquarium Kaiyukan (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดยด้านในจะมีการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตไว้ตามถิ่นที่อยู่ การจัดแสดงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของมหาสมุทรแปซิฟิก ฯลฯ ตัวอาคารจะมีทั้งหมด 8 ชั้น ประกอบไปด้วยแท็งค์น้ำขนาดใหญ่ถึง 15 แท็งค์ ซึ่งมีไฮไลท์สำคัญๆ ที่คุ้มค่าต่อการไปเที่ยวชมมากมาย อย่าง Pacific Ocean (มหาสมุทรแปซิฟิก) อุโมงค์ใต้น้ำขนาดยาวที่จำลองมาจากบริเวณที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกของจริง โดยมีสัตว์น้ำหายากที่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวอย่าง ปลาฉลามวาฬยักษ์ ปลาโลมา ฯลฯ รวมแล้วมีสัตว์จัดแสดงทั้งหมด 30,000 ชีวิต มากกว่า 620 สายพันธุ์ จึงทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับอีกแห่งของประเทศญี่ปุ่น
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) 2,300 เยน, ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) 2,000 เยน, นักเรียนชั้นประถมและมัธยมต้น 1,200 เยน, เด็ก (4 - 6 ปี) 600 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบเข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 10.00 น. – 20.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายได้ก่อนเวลาปิดหนึ่งชั่วโมง)
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Osaka Loop Line ที่สถานี Osaka Station เพื่อไปลงที่สถานี Bentencho (C13) แล้วต่อรถไฟจากสถานีนี้ไปลงสถานี Osakako Station (C11) และเดินไปอีก 500 เมตรก็จะถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง
พิกัด GPS : 34°39'16.3"N 135°25'44.3"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=521
8. Dotonbori (ย่านโดทงโบริ)
ย่านการค้ายอดนิยมกลางเมืองโอซาก้า ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวรวมตัวกันอยู่มากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งกินความยาวไปตลอดฝั่งของแม่น้ำโดทงโบริ (Dotonbori River) ทำให้ย่านนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของเมือง โดยย่านนี้จะมีร้านอาหารที่รสชาติอร่อย การตกแต่งร้านที่จะมีป้ายสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ที่บ่งบอกถึงสินค้ายอดนิยมประจำร้านตัวเอง ติดเอาไว้หน้าร้านอย่างสร้างสรรค์ ทำให้นอกจากจะได้กินอาหารอร่อยๆ ของร้านแล้ว ยังจะได้มุมถ่ายรูปสวยๆ บันทึกไว้เป็นความทรงจำดีๆ กันอีกด้วย
ค่าเข้าชม : เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินเล่นได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเดินเล่นได้ตามสะดวก
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) เพื่อไปลงที่สถานี Namba (M20) แล้วเดินไปอีกประมาณ 400 เมตรก็จะถึงย่านโดทงโบริ
พิกัด GPS : 34°40'07.2"N 135°30'11.2"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับย่านโดทงโบริได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=522
9. Glico LED (ป้ายไฟกูลิโกะ)
ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า และยังเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองมายาวนานกว่า 90 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของป้ายให้มีความทันสมัย และรูปทรงใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้ป้ายไฟกูลิโกะที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ถูกนับว่าเป็นรุ่นที่ 6 ของป้ายไฟระดับตำนานแห่งนี้แล้ว ซึ่งตัวป้ายไฟจะเป็นรูปนักวิ่งหนุ่มชื่อกูลิโกะกำลังชูมือฉลอง ขณะกำลังวิ่งเข้าเส้นชัย โดยมีสัญลักษณ์วงกลมสีแดงของประเทศญี่ปุ่นซ้อนอยู่เบื้องหลัง พร้อมพื้นหลังที่ฝังไฟ LED เอาไว้จำนวนมาก ที่พอตกค่ำจะมีการเปิดไฟ และฉายภาพสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของโอซาก้า เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาถ่ายรูปกับตัวป้ายไฟ ได้ตามไปเที่ยวกันด้วย
ค่าเข้าชม : เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตามสะดวก
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) เพื่อไปลงที่สถานี Namba (M20) แล้วเดินไปอีกประมาณ 600 เมตรก็จะถึงป้ายไฟกูลิโกะ
พิกัด GPS : 34°40'08.1"N 135°30'03.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับป้ายไฟกูลิโกะได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=535
10. Universal Studio Japan (ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน)
ขอบคุณภาพจาก www.usj.co.jp.com
สวนสนุกจากค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งแรกในทวีปเอเชีย ที่สร้างขึ้นในคอนเซ็ปต์การออกแบบให้เหมือนกับกำลังเดินอยู่ในโลกภาพยนตร์ชื่อดังหลากหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำแลนด์มาร์กต่างๆ ที่เราเคยเห็นจากหน้าจอภาพยนตร์ มาสร้างเอาไว้จริงๆ อาคารห้างร้าน เครื่องเล่นที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม มาสคอตตัวละคร การแสดงโชว์ที่นำฉากชื่อดังมาฉายให้เราได้ดูกันแบบสมจริง ขบวนพาเหรดที่จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง ท่ามกลางพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ริมอ่าวโอซาก้า (Osaka Bay) จนเรียกว่าเป็นสวนสนุกซึ่งใครที่ได้มาโอซาก้าต้องไม่พลาดจริงๆ
ค่าเข้าชม : บัตร Universal Studio Japan Day Pass ราคา 7,600 เยน (อายุ 12 ปีขึ้นไป), ราคา 4,723 เยน (อายุ 4-11 ปี)
บัตร Universal Studio Japan Express Pass ราคาแต่งต่างกันไปตามประเภท แต่โดยรวมอยู่ที่ 7,400 - 20,700 เยน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการเวลา 08.30 น. – 21.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Osaka Loop Line ที่สถานี Osaka Station เพื่อไปลงที่สถานี Universal - City แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 150 เมตร ก็จะถึง ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน
พิกัด GPS : 34°39'55.7"N 135°25'56.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปนได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=537
11. ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi-Suji)
ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi-Suji) ย่านร้านค้ายอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบช้อปปิ้ง กลางเมืองโอซาก้า ที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับย่านโดทงโบรินั่นเอง ที่นี่เป็นถนนคนเดินในร่มที่มีความยาวประมาณ 600 เมตร ที่ทั้งสองฝั่งจะเต็มไปด้วยร้านค้าสารพัดชนิด หลากหลายยี่ห้อ โดยที่นี่จะมีทั้งร้านจากแบรนด์ระดับโลก ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายยา ร้านปลอดภาษี (Duty Free) ฯลฯ เรียกว่าเหมาะสำหรับคนที่รักในการช้อปปิ้งที่สุด และยังมีร้านอาหารยอดนิยมให้เราได้เลือกกิน เพื่อเติมพลังระหว่างเดินช้อปปิ้งกันได้อีก ซึ่งทั่วทั้งย่านถูกปกคลุมอยู่ในร่มเงาของหลังคา ทำให้เดินกันได้เรื่อยๆ และรับรองว่าคนที่มาเดิน จะได้ของฝากดีๆ เต็มมือแน่นอน
ค่าเข้าชม : เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตามสะดวก
ข้อมูลการเดินทาง : - รถไฟ จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) เพื่อไปลงที่สถานี Shinsaibashi Station (M19) ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 นาที แล้วเดินไปอีก 300 เมตร ก็จะถึงย่านชินไซบาชิ
พิกัด GPS : 34°40'29.0"N 135°30'00.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ย่านชินไซบาชิ ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/684
12. วัดโฮเซนจิ (Hozenji Temple)
วัดโฮเซนจิ (Hozenji Temple) วัดเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ตั้งอยู่ในตรอกโฮเซ็นจิ โยะโคโจ (Hozenji Yokocho) ใจกลางโอซาก้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1637 ทำให้เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ตัววัดนั้นตั้งอยู่สุดตรอกโฮเซ็นจิ โยะโคโจ (Hozenji Yokocho) ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ และเรียบง่าย ต่างจากย่านอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันที่จะคึกคัก และเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลา โดยทางเดินของตรอกแห่งนี้ถูกปูด้วยหิน วัดโฮเซนจิ เป็นที่พึ่งทางใจ ของชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่แถวย่านนี้ และวัดแห่งนี้มีจุดเด่นอีกอย่างจะเปิดให้คนได้เข้ามาสักการะในเวลากลางคืนได้ด้วยที่ผู้คนนิยมมาสักการะขอพร หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน รวมถึงยังมีร้านนั่งดื่ม ร้านอาหาร ตามสไตล์ญี่ปุ่นสมัยก่อน ที่ยังคงความดั้งเดิมมาถึงทุกวันนี้
ค่าเข้าชม : เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วัดโฮเซนจิ เปิดให้เข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา แต่แผนกต้อนรับเวลา 10:00 น. – 22:00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : - รถไฟ จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) เพื่อไปลงที่สถานี Namba (M20) ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 17 นาที แล้วเดินไปอีกประมาณ 350 เมตรก็จะถึงวัดโฮเซนจิ
พิกัด GPS : 34°40'04.1"N 135°30'09.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดโฮเซนจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/687
13. ริงคู พรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ต (Rinku Premiem Outlet)
ริงคู พรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ต (Rinku Premiem Outlet) ตั้งอยู่ตรงข้ามท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ที่นี่ครองตำแหน่งเอ้าท์เล็ตเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตก กับบรรยากาศสบายๆ และการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังที่จะเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน นอกจากภายในริงคู พรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ต จะมีหัวใจหลักคือสินค้าเเบรนด์ดังทั้งในประเทศแและต่างประเทศ, ร้านกีฬายอดนิยมกว่า 210 ร้าน ทั้งเสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องประดับ, เสื้อผ้าชายไปจนถึงเสื้อผ้าเด็ก, ของใช้ประจำวันแล้ว อีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ วิวทะเลร้อยล้านของทะเลอ่าวโอซาก้า ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นสนามบินนานาชาติคันไซ พร้อมโซน SEA SIDE PARK สวนซีไซด์ พื้นที่สวนเลียบทะเล
ค่าเข้าชม : เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : - รถไฟ จากสนามบินนานาชาติคันไซ นั่งรถไฟได้ทั้งรถไฟ JR และรถไฟนันไค (NANKAI) ที่แล่นผ่านระหว่างสนามบินนานาชาติคันไซและในตัวเมืองโอซาก้า เพื่อมาลงที่สถานี RINKU TOWN STATION จากนั้นเดินมาเรื่อยๆ ประมาณ 6 นาทีก็จะเข้าสู่ ริงคู พรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ท โซน SEA SIDE
- รถบัส นั่งรถชัตเติ้ลบัสจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ที่มีให้บริการทุกวัน (เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 200 เยน)
พิกัด GPS : 34°24'23.3"N 135°17'43.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับริงคู พรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ต ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/2416
14.วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)
วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple) ตั้งอยู่ที่ย่านเทนโนจิ (Tennoji) ของเมืองโอซาก้า ถือเป็นวัดพุทธอย่างเป็นทางการแห่งแรกของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ที่สุดของประเทศ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 593 โดยเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) บุตรชายของจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 31 ในปี ค.ศ. 1934 วัดชิเทนโนจิได้ถูกพายุที่พัดถล่มและในช่วงปี ค.ศ. 1945 ก็ถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนกระทั่งปี ค.ศ. 1963 จึงได้มีการบูรณะอาคารต่างๆ ขึ้นมาใหม่ดังที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งพื้นที่หลักๆ ที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่สามแห่ง ได้แก่ คลังสมบัติ (Treasure House) กลุ่มอาคารวัดด้านใน (Inner Temple Complex) และสวนโกคุราคุโจโด (Gokuraku Jodo Garden) จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่เจดีย์ห้าชั้นที่มีความสวยงามตามรูปแบบญี่ปุ่น และยังเป็นต้นแบบของเจดีย์แดงที่มีวิวภูเขาไฟฟูจิที่ปรากฏบ่อยๆ ตามภาพโปรโมตการท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั่นเอง
ค่าเข้าชม : บริเวณด้านนอกและสวนส่วนนอกของวัดชิเทนโนจิสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
คลังสมบัติ (Treasure House) กลุ่มอาคารวัดด้านใน (Inner Temple Complex) และสวนโกคุราคุโจโด (Gokuraku Jodo Garden) มีค่าเข้าชม 300 เยนสำหรับแต่ละแห่ง
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.00 – 16.30 น. ในช่วงฤดูหนาววัดจะปิดเร็วขึ้น 30 นาที
ข้อมูลการเดินทาง : - รถไฟ จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Tanimachi Line มาลงที่สถานี Shitennojimae-yuhigaoka ซึ่งเป็นสถานีที่เดินใกล้สุด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที
พิกัด GPS : 34°39'15.9"N 135°30'59.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดชิเทนโนจิ ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/2417
15. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel)
ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน ตั้งอยู่บริเวณเท็มโปซาน ฮาร์เบอร์ วิลเลจ (Tempozan Harbor Village) บริเวณริมอ่าวในเมืองโอซาก้า โดยอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium KAIYUKAN) เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1997 ถือเป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในขณะนั้น ด้วยความสูง 112.5 เมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร ตัวชิงช้าสวรรค์นั้น จากบนกระเช้าเราสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองโอซาก้า รวมถึงสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) และสะพานแดง (Minato Bridge) ที่อยู่อีกฝั่งได้ด้วย นอกจากนี้ในตอนกลางคืนยังมีการประดับไฟที่ชิงช้าสวรรค์ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานอย่างสวยงาม
ค่าเข้าชม : ตั๋วราคา 800 เยน
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ เปิดเวลา 11.00 – 21.00 น. (ปิดจำหน่ายตั๋ว 20.45 น.)
วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00 – 22.00 (ปิดจำหน่ายตั๋ว 21.45)
ข้อมูลการเดินทาง : - รถไฟ จากสถานี Umeda, Shin-Osaka, Namba ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line มาลงที่สถานี Hommachi แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Chuo Line มาลงที่สถานี Osakako ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
พิกัด GPS : 34°39'22.3"N 135°25'51.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/2415
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ :
- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ
https://www.accuweather.com/
- เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดโอซาก้า
https://osaka-info.jp/th/
- สกุลเงินที่ใช้ : เยน (JPY)
แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศญี่ปุ่น
- Uber สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
- JapanTaxi สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศญี่ปุ่น
- Google Map สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
หน้าผาโทจินโบ จังหวัดฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่น
หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo) ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุอิ (Fukui) ทางภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ด้วยความงามของหน้าผาที่สูงชันและวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่ง และไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความงามจากธรรมชาติ แต่ยังแฝงไปด้วยตำนานและความเชื่อที่ลึกซึ้งด้วย
อ่านต่อเมจิจิงกูไกเอ็น กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji Jingu Gaien) หรือ สวนด้านนอกศาลเจ้าเมจิ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในย่านชินจูกุและอาโอยามะของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สวนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของถนนต้นแปะก๊วยสีเหลืองทองที่สวยงาม ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
อ่านต่อปราสาทฮิโกเนะ จังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น
ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมไม่กี่แห่งของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดชิงะ
อ่านต่อถนนทิวสนเมตาซีคัวญา จังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น
ถนนทิวสนเมตาซีคัวญา (Metasequoia Namiki Avenue) ในจังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น คือถนนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 ถนนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นจุดชมธรรมชาติที่ผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ทิวสนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามตลอดสองข้างถนน
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจาง – ดาลัด ประเทศเวียดนาม
หากอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองชายทะเลสุดคึกคักอากาศอบอุ่น แล้วไปผ่อนคลายในเมืองแห่งภูเขาอากาศเย็นสบายที่เวียดนามใต้ ญาจางและดาลัดคือคำตอบ! สองเมืองนี้จะพาคุณดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมที่หลากหลาย Palanla ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจางและดาลัดมาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่ออาสนวิหารญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
อาสนวิหารญาจาง (Christ the King Cathedral Nha Trang) หรือ โบสถ์หินญาจาง สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม อายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเมือง ด้วยผนังหินสีน้ำตาลเข้มที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง และหลังคาสูงชะลูดที่ดูอลังการ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
อ่านต่อหาดญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หาดญาจาง (Nha Trang Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศเวียดนาม ด้วยชายรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ความยาวกว่า 6 กิโลเมตรที่โอบล้อมอ่าวญาจาง ในจังหวัดหวัดคั้ญฮวา ท่ามกลางภูมิทัศน์โดยรอบที่สวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญๆ มากมาย
อ่านต่อหอคอยแตร่มเฮือง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หอคอยแตร่มเฮือง (Tram Huong Tower) สัญลักษณ์และจุดเช็กอินยอดนิยมของหาดญาจางในปัจจุบัน
อ่านต่อวินเพิร์ลแลนด์ เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วินเพิร์ลแลนด์ (Vinpearl Land) เป็นสวนสนุกและรีสอร์ตหรูครบวงจรระดับโลกที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่สวยงามติดทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญของการไปเที่ยวที่นี่คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก
อ่านต่อวัดลองเซิน เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วัดลองเซิน (Long Son Pagoda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระใหญ่” เป็นวัดพุทธมหายานเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดของเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม นอกจากความสวยงามอลังการของตัววัดแล้ว จากยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของเมืองญาจางและทะเลได้อย่างสวยงาม
อ่านต่อ