ป้ายไฟกูลิโกะ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

  • อ่าน (23,653)
  • By Webmaster
  • 16:46:46 | 18 เม.ย. 2566

ป้ายไฟกูลิโกะ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

Glico LED, Osaka, Japan

Glico LED
บรรยากาศบริเวณป้ายไฟกูลิโกะ

             ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) เป็นป้ายไฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้า และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปกันหนาแน่นตลอดทั้งวัน ตัวป้ายไฟจะเป็นรูปนักวิ่งชายชื่อกูลิโกะแมนกำลังชูมือฉลองที่ตัวเองกำลังวิ่งเข้าเส้นชัย ซึ่งป้ายนี้ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกในปีค.ศ. 1935 โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ป้ายไฟระดับตำนานของเมืองโอซาก้าแห่งนี้เรื่อยมา จนมาถึงป้ายไฟรุ่นที่ 6 และเป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 2014 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังคงมีกูลิโกะแมนที่กำลังชูมือฉลองชัยรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองโอซาก้าอย่างยินดีเหมือนตลอดระยะเวลา 90 กว่าปีที่ผ่านมา

Glico LED
แผนที่ตั้ง ป้ายไฟกูลิโกะ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น


ประวัติ

             ป้ายไฟกูลิโกะ (Glio LED) ป้ายไฟที่ไม่เพียงบ่งบอกความนิยมของแบรนด์ขนมชื่อดังอย่างกูลิโกะเท่านั้น แต่ยังเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้าอีกด้วย โดยป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) นี้ถูกสร้างขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1953 ตั้งอยู่บริเวณสะพานอิบิซึบาชิ (Ebisubashi Bridge) สะพานเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างย่านโดทงโบริ (Dotonbori) กับย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ย่านการค้ายอดนิยมของโอซาก้า ซึ่งป้ายไฟนี้ได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก คุณ ริอิชิ เอซะกิ (Riichi Ezaki) ผู้ก่อตั้งที่สร้างขนมซึ่งสกัดมาจากสารกลีโคเจนที่พบได้ในหอยนางรม มีจุดเด่นคือเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง และเกิดเป็นหนึ่งในการทำโฆษณาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการธุรกิจ กับคำโฆษณาที่ว่า “กินชิ้นเดียววิ่งได้ถึง 300 เมตร” นั่นเอง ซึ่งยังเป็นระยะทางที่นักวิ่งชายบนป้ายไฟกูลิโกะใช้ในการวิ่งเข้าเส้นชัยนั่นเอง โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาป้ายไฟกูลิโกะแห่งนี้ ก็ถูกปรังปรุงดีไซน์ให้มีความแปลกใหม่ และสวยงามเรื่อยมา จนมาถึงป้ายไฟกูลิโกะที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งนับเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว โดยยังคงเอกลักษณ์อย่างนักวิ่งหนุ่มกูลิโกะเหมือนเดิม แต่มีสัญลักษณ์รูปวงกลมสีแดงของประเทศญี่ปุ่นเป็นสีสันเพิ่มเข้ามาด้านหลังนักวิ่ง และเปลี่ยนจากการใช้ไฟนีออน มาเป็นไฟ LED ที่ประหยัดไฟเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า ซึ่งป้ายรุ่นที่ 6 นี้ประกอบไปด้วยไฟ LED จำนวนถึง 140,000 ดวง และการเปลี่ยนมาใช้ไฟ LED นั้น ยังมีจุดประสงค์เพื่อให้เกียรติกับ 3 นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลโนเบล (Noble Prize) จากการประดิษฐ์หลอดไฟสีน้ำเงิน LED ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย โดยตัวป้ายไฟจะมีความกว้าง 10.38 เมตร สูง 20 เมตร ซึ่งพอตกค่ำจะมีการเปิดไฟพื้นหลังของนักวิ่งหนุ่ม ฉายเป็นภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งภาพสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโอซาก้า ภาพผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของแบรนด์ที่โปรยปรายลงมาที่ตัวนักวิ่ง ฯลฯ และด้วยความที่เป็นแบรนด์ขนมที่คนทั่วโลกหลงรัก ความครีเอทีฟในการสร้างสรรค์ป้าย โลเคชั่นที่ป้ายไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ จึงเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ซึ่งทำให้ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาถ่ายรูปร่วมกับป้ายมากมาย และถูกยกให้เป็นแลนด์มาร์กที่ไม่ว่าใครที่มาโอซาก้า ก็ไม่ควรพลาดการมาเยี่ยมชม และถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกกัน

Glico LED
ป้ายไฟกูลิโกะตั้งอยู่บริเวณย่านการค้าที่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย

Glico LED
ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) จะโดดเด่น สวยงามที่สุดในช่วงที่เปิดไฟ LED ตอนเย็นถึงค่ำๆ

Glico LED
นักวิ่งชายบนป้ายไฟกูลิโกะที่กำลังวิ่งเข้าเส้นชัย

 

การเดินทางจากสนามบินคันไซไปยังเมืองโอซาก้า

             - รถบัส จากสนามบินให้เดินไปขึ้นรถบัสที่ Kansai-Airport Station เพื่อขึ้นรถที่ป้ายรอรถบัสหมายเลข 5 เลือกคันที่ไป Osaka Station City ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 52 นาที

             - รถไฟ จากสนามบินให้เดินไปขึ้นรถไฟที่ Kansai-Airport Station เลือกรถไฟสาย Kansaikuko Line แล้วลงที่สถานี Umeda Station ตัวสถานีจะอยู่ใน Osaka Station City


การเดินทางจากตัวเมืองไปยังป้ายไฟกูลิโกะ

             - รถไฟ จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Midosuji Line ที่สถานี Umeda Station (M16) เพื่อไปลงที่สถานี Namba (M20) ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 17 นาที แล้วเดินไปอีกประมาณ 600 เมตรก็จะถึงป้ายไฟกูลิโกะ


เวลาเปิด-ปิดทำการ

           ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม และถ่ายรูปได้ตลอดเวลา แต่ไฟ LED ที่จะมีการเปิดแสดงภาพสวยๆ นั้น จะถูกเปิดเวลา 18:00 น. – 24:00 น.

Glico LED
แสงไฟ LED ของป้ายไฟกูลิโกะที่แสดงภาพสวยๆ เบื้องหลังนักวิ่งกูลิโกะแมน


อัตราค่าเข้าชม

           นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชม และถ่ายรูปร่วมกับป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) ได้ฟรี ตลอดเวลา

Glico LED
ป้ายไฟกูลิโกะเป็นแลนด์มาร์กที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันหนาแน่นตลอดเวลา

 

เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว

              สามารถเที่ยวได้ตลอดปี

Glico LED


           นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว ป้ายไฟกูลิโกะ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       ป้ายไฟกูลิโกะ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

                       (Glico LED, Osaka, Japan)

                       ระดับความนิยม

                       อัตราค่าเข้าชม : ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชมได้ฟรี ตลอดเวลา 

                       เวลาเปิด-ปิด : เวลาเปิดไฟจอภาพป้ายไฟกูลิโกะ (Glico LED) คือ 18:00 น. – 24:00 น.

                       ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                       สถานที่ตั้ง : จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

                       โทรศัพท์ : (+81) 6-6211-4542

                       เว็บไซต์ : http://www.dotonbori.or.jp/en/

                       ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/

                                                    เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดโอซาก้า https://osaka-info.jp/th/

                                                    เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/

                                                    เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนญี่ปุ่น http://www.hyperdia.com/

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น

จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เป็นเขตปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ใน ภูมิภาคคันโต ของประเทศญี่ปุ่น จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายเมืองด้วยกัน อาทิ คามาคุระ (Kamakura) โยโกฮาม่า (Yokohama) และฮาโกเน่ (Hakone)…Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ตั้งแต่ชายหาด พระใหญ่ วัดเก่าแก่ ศาลเจ้า ไชน่าทาวน์ สวนสนุก อควาเรียม ทะเลสาบ ไปจนถึงกระเช้าลอยฟ้าและจุดชมภูเขาไฟฟูจิ มาไว้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

สวนหลิวหยวน เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนหลิวหยวน หรือ สวนสิงโต (Lion Forest Garden) เป็นสวนจีนโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน สวนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของและชื่อหลายครั้งตลอดหลายศตวรรษ สวนหลิวหยวน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนคลาสสิกที่สำคัญที่สุดของซูโจว และเป็นส่วนหนึ่งของ "สวนคลาสสิกของซูโจว" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.2000

อ่านต่อ

สวนจัวเจิ้ง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนจัวเจิ้ง (Humble Administrator’s Garden) เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวและได้ชื่อว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนตอนใต้ สวนแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จีนหลายเรื่องด้วยกัน และได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1997

อ่านต่อ

เนินเขาเสือ เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

เนินเขาเสือ หรือเนินหู่ชิว (Tiger Hill) ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในซูโจว นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่มีเสน่ห์และโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของซูโจว ไม่ว่าจะเป็นหลุมศพโบราณ บ่อน้ำ เจดีย์ และห้องสมบัติ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสวยงามของทิวทัศน์ในวรรณคดีจีนโบราณ โดยที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย

อ่านต่อ

ทะเลสาบจินจี เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ทะเลสาบจินจี (Jinji Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในซูโจว ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ศูนย์จัดแสดงสินค้า พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ฯลฯ ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

ถนนซานถัง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ถนนซานถัง (Shantang Street) ถนนโบราณที่มีความเก่าแก่เกือบ 1,200 ปี ครั้งหนึ่งถนนสายนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ปัจจุบันซานถังยังคงเป็นถนนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “ภาพย่อของซูโจวเก่า” และยังถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ AAAA ของประเทศ

อ่านต่อ

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น (Grand Canal National Culture Park) เป็นส่วนหนึ่งของคลองต้ายุ่นซึ่งทอดตัวยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร และเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมสำคัญในประเทศจีนมานานกว่า 2,500 ปี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ