พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

  • อ่าน (10,583)
  • By Webmaster
  • 10:13:14 | 26 ก.ค. 2561

พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

故宫 , Forbidden City of Beijing, China

 

            พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง ( / Gugong / Forbidden City / Imperial Palaces of the Ming and Qing Dynasties) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ พระราชวังกู้กง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดของเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

 

           พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง เคยเป็นพระราชวังที่ประทับของจักรพรรดิในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง และปัจจุบันยังเป็น พิพิธภัณฑ์พระราชวัง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 720,000 ตารางเมตร ห้องอีกหลายพันห้อง พระที่นั่ง 70 กว่าพระองค์ และยังมีทั้งสวน ลานกว้าง และอื่นๆอีกมากมาย โอบล้อมไว้ด้วยคู และกำแพงสูง 11 เมตร ทำให้พระราชวังต้องห้าม มีสภาพเหมือนเป็นเมืองขนาดย่อมๆเมืองหนึ่งของจักรพรรดิจีนโบราณและข้าราชบริพาร

           ด้วยความยิ่งใหญ่ และการเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมจีนโบราณนี้เอง ที่ทำให้พระราชวังต้องห้าม ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ หากยังได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย 


อีกมุมหนึ่งที่มองเห็นอาคารบนกำแพงของพระราชวังต้องห้ามอย่างชัดเจน 


มองย้อนกลับไป จะเห็นทางเข้าซึ่งเป็นศิลปะจากสมัยราชวงศ์ชิงที่ยังตกทอดมาถึงปัจจุบัน


ป้ายทางเข้าสู่สวนขนาดใหญ่ของพระราชวังต้องห้ามซึ่งเปิดให้เข้าชมเช่นกัน


ทางเดินที่อยู่ใกล้กับพระราชวังต้องห้าม ก็เป็นหนึ่งในทางเดินเล่นที่ได้รับความนิยม


แต่ไม่ว่าอย่างไร การเดินทางเข้าสู่พระราชวังที่เคยปิดตัวเองจากประชาชนทั่วไปนานหลายศตวรรษก็มีเสน่ห์ดึงดูดที่สุด 


ประวัติศาสตร์น่ารู้กับที่มาของพระราชวังต้องห้าม

           ในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง มีการย้ายเมืองหลวงจากเมืองหนานจิงมายังเมืองปักกิ่ง ซึ่งพระราชวังต้องห้ามได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้เอง โดยใช้เวลาในการก่อสร้างตั้งแต่ปี 1406 ไปจนถึงปี 1420 รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 14 ปี และหลังจากนั้นพระราชวังต้องห้าม ก็ได้กลายเป็นพระราชวังอันเป็นที่ประทับหลักของจักรพรรดิองค์ถัดมาอีกหลายพระองค์ ยาวนานไปจนถึงสมัยราชวงศ์ชิง

           จนกระทั่งเกิดการปฎิวัติครั้งสำคัญในปี 1911 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระราชวังต้องห้ามได้เปลี่ยนแปลงบทบาทจากที่ประทับของจักรพรรดิไปเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของล้ำค่าของประเทศ แต่หลังจากนั้น เนื่องจากปัญหาด้านการปกครองประเทศในเวลาดังกล่าว พระราชวังต้องห้ามจึงพบกับความเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ทั้งได้รับความเสียหายจากสงคราม และการสูญเสียสมบัติภายในพระราชวัง ซึ่งเชื่อว่าเคยมีกว่าหนึ่งล้านชิ้นเหลือเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กับพระราชวังต้องห้ามได้ที่ http://en.dpm.org.cn/about/about-museum/2015-01-20/1615.html)


แผงผังและคำอธิบายถึงประวัติของพระราชวังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่

           จนในปี 1961 พระราชวังต้องห้าม จึงได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลจีนในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาติจีน และได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในชื่อของ พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่ง

           อนึ่ง สำหรับคำว่าพระราชวังต้องห้ามนั้น มีที่มาจากคำว่า 紫禁城  หรือ จื่อจิ้นเฉิง ซึ่งหากแปลตรงตามตัวอักษร จะหมายถึงคำว่า เมืองต้องห้ามสีม่วง (บางตำราก็แปลว่าสีเลือดหมู) อันหมายถึงเมืองที่สามัญชนไม่สามารถเข้าไปได้นั่นเอง


กำแพงสีม่วงแกมแดง ที่มาของชื่อในภาษาจีนที่หมายถึงเมืองต้องห้ามสีม่วง


การเดินทางไปพระราชวังต้องห้าม เมืองปักกิ่ง

           พระราชวังต้องห้าม ตั้งอยู่ภายในเขตเมืองปักกิ่ง (หรือเป่ยจิง/ 北京/ Beijing) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจีน และมีท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง หรือ Beijing Capital International Airport (PEK) สนามบินขนาดใหญ่ไว้คอยให้บริการ ทั้งนี้ หลังจากเดินทางมาถึงแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามายังเมืองปักกิ่งได้โดย


             - ชัตเตอร์บัสจากสนามบิน หลังจากมาถึงสนามบินแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการชัตเตอร์บัสจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินทางเพียง 40 นาทีได้ โดยสามารถดูรายละเอียดเส้นทาง, ตารางเวลา รวมถึงค่าบริการชัตเตอร์บัสไปจุดหมายต่างๆภายในเมืองเพิ่มเติมได้ที่ http://en.bcia.com.cn/traffic/airbus/index.shtml

             - รถบัส หรือรถบัสยาวของชาวจีน เป็นหนึ่งในบริการขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน เนื่องจากเส้นทางและรอบเวลาที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่เมืองปักกิ่งได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเส้นทาง, ตารางเวลา รวมถึงอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bjbus.com/home/index.php

             - รถไฟฟ้าใต้ดิน นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน Airport Express ซึ่งเป็นบริการรถไฟใต้ดินจากสนามบินสู่ สถานี Dongzhimen ซึ่งอยู่ในตัวเมืองปักกิ่งและเป็นหนึ่งในสถานีเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟใต้ดินหรือขนส่งสารธารณะอื่นๆ โดยใช้เวลาการเดินทางเพียง 25 นาที ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเส้นทาง,รอบเวลาในการวิ่ง และอัตราค่าโดยสารของรถไฟใต้ดินได้ที่ https://www.bjsubway.com/en/

             - รถยนต์ / แท็กซี่สาธารณะ เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นของเส้นทางและเวลาเดินทาง โดยอัตราค่าบริการแท็กซี่ภายในเมืองปักกิ่งจะเริ่มต้นที่ ประมาณ 13 หยวน และอัตราค่าบริการเหมาจากสนามบินไปยังในตัวเมืองปักกิ่งจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 140 หยวน

           และหลังจากมาถึงเมืองปักกิ่งแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อไปยังพระราชวังต้องห้าม ซึ่งถือว่าตั้งอยู่ ใจกลางเมืองปักกิ่ง ได้หลายวิธี อาทิ

             - รถโดยสารสาธารณะ พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ติดกับจัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่เดินทางไปจัตุรัสเทียนอันเหมินได้ ไม่ว่าจะเป็นสาย 2, 5, 120, รถโดยสารท่องเที่ยวสาย 1 (城市观光1线) ที่จอดป้ายจัตุรัสเทียนอันเหมินตะวันออก (天安门广场西) หรือสาย 1, 17, 52, 82, รถโดยสารท่องเที่ยวสาย 2 (城市观光2线) ที่จอดป้ายเทียนอันเหมินตะวันออก (天安门东) โดยมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 2 หยวน/คน

           ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมายเลขรถโดยสารสาธารณะ, รอบเวลาและเส้นทางการวิ่งของรถโดยสารแต่ละเส้นทางได้ที่ http://beijing.8684.cn/

             - รถไฟฟ้าใต้ดิน สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ให้บริการภายในเมืองปักกิ่ง เลือกลงที่ สถานี Tian’anmen West หรือ สถานี Tian’anmen East  ซึ่งอยู่ติดกับจัตุรัสเทียนอันเหมิน และเดินต่อไปยังพระราชวังต้องห้ามที่อยู่ติดๆกันได้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเส้นทาง,รอบเวลาในการวิ่ง และอัตราค่าโดยสารของรถไฟใต้ดินได้ที่ https://www.bjsubway.com/en/

             - รถยนต์ / แท็กซี่สาธารณะ เป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่นของเส้นทางและเวลาเดินทาง ทั้งนี้ อัตราค่าบริการแท็กซี่ภายในเมืองปักกิ่งจะเริ่มต้นที่ 13 หยวน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกดูเส้นทางที่เหมาะสมเพิ่มเติมได้ที่ https://map.baidu.com/


แผนที่ที่อยู่ตามบริเวณทางเข้าออกของพระราชวังต้องห้าม เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว


เวลาในการเปิด-ปิดทำการ

           พระราชวังต้องห้ามเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมความยิ่งใหญ่และความสวยงาม ตั้งแต่ วันอังคาร – วันอาทิตย์ โดยจะหยุดให้บริการทุกวันจันทร์ (เว้นแต่ตรงกับวันชาติจีน) โดยมีเวลาในการให้บริการต่างกันไปตามฤดูกาล คือ

             เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 17.00 น. โดยจุดบริการจำหน่ายบัตรจะปิดบริการเวลา 16.00 น. และจะเปิดให้เข้ารอบสุดท้ายถึงแค่เวลา 16.10 น.

             เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 16.30 น. โดยจุดบริการจำหน่ายบัตรจะปิดบริการเวลา 15.30 น. และจะเปิดให้เข้ารอบสุดท้ายถึงแค่เวลา 13.30 น.

           โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดเพิ่มเติม สำหรับโอกาสพิเศษ หรือการซ่อมแซมบางสถานที่ได้ที่ http://en.dpm.org.cn/visit/hours/ 


นักท่องเที่ยวที่ต่อแถวซื้อบัตรเข้าชมและรอเวลาในการเปิดให้เข้าไปเที่ยวในพระราชวังต้องห้ามอันโด่งดัง


อัตราค่าเข้าชม

           ปัจจุบัน เพื่อเป็นการอนุรักษ์พระราชวังต้องห้าม ได้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ ไม่เกิน 80,000 คน/วัน และแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยี่ยมชม ซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าที่ http://gugong.228.com.cn/ โดยมีอัตราค่าเข้าชมคือ

             เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม มีอัตราค่าเข้าชมอยู่ที่ 60 หยวน/คน

             เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม มีอัตราค่าเข้าชมอยู่ที่ 40 หยวน/คน

           ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดค่าเข้าชม และส่วนลดสำหรับวันพิเศษต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ http://en.dpm.org.cn/visit/tickets/


นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมมีหลากหลายวัย ทั้งนี้หากเป็นนักเรียนนักศึกษา และผู้สูงอายุ จะได้รับส่วนลดค่าเข้าชม 


สิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวพระราชวังต้องห้าม

           ปัจจุบัน พระราชวังต้องห้ามมีบริการอำนวยความสะดวกหลากหลายอย่างให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับสูบบุหรี่ หรือ ห้องพยาบาลสำหรับนักท่องเที่ยว

           นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง Audio Guide บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม, ร้านของที่ระลึก และ ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบจุดให้บริการได้ที่ http://en.dpm.org.cn/visit/facilities/

 


ป้ายแสดงภาษาที่มีให้บริการสำหรับ Audio หรือ Automatic Guide


เวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวชมความงดงามตระการตาของพระราชวังต้องห้ามได้ตลอดทั้งปี โดยฤดูกาลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วง เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม อันเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25 – 32 องศาเซลเซียส และมีแสงแดดสาดส่องทำให้สามารถเก็บรายละเอียดผลงานศิลปะภายในพระราชวังได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวต้องการมาสัมผัสบรรยากาศอื่นๆ อาทิ หิมะสีขาวตัดกับสิ่งก่อสร้างในฤดูหนาว หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

           แต่ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวควร หลีกเลี่ยงการไปเยือนในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวของจีน อาทิ ช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือวันชาติจีน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมหาศาล จนอาจเป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวชมได้ โดยสามารถดูรายละเอียดของวันและเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงเพิ่มเติมได้ที่ http://en.dpm.org.cn/home3/2015-01-20/1628.html


ผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงเทศกาลวันชาติจีนที่รอเข้าไปเที่ยวพระราชวังต้องห้าม

           โดยนักท่องเที่ยวควรใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ครึ่งวัน ในการชมความสวยงามของพระราชวังต้องห้าม และควรศึกษาวางแผนเส้นทางการเดินชม ตลอดจนตรวจสอบพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการเที่ยวชมได้ที่ https://www.accuweather.com/ 


ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ในการท่องเที่ยวพระราชวังต้องห้าม และเมืองปักกิ่ง

           พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ซึ่งรายล้อมไปด้วยขนส่งสาธารณะ โรงแรม หรือตลาดอยู่ใกล้ๆ ทำให้เหมาะที่เป็นสถานที่พักผ่อน หรือตั้งเป็นจุดเริ่มต้นในทริปการเดินทางท่องเที่ยว

           ทั้งนี้ ถึงแม้การเดินทางภายในปักกิ่งจะถือว่าสะดวกสบายและครอบคลุมเป็นอย่างมาก อีกทั้งตามระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะอาทิ รถไฟ หรือรถไฟใต้ดินยังมีภาษาอังกฤษกำกับบอกซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ดี นอกจากระบบขนส่งสำคัญ และภายในสถานที่ท่องเที่ยวกับโรงแรมแห่งใหญ่ ยังไม่มีการให้บริการและการสื่อสารภาษาอังกฤษมากนัก นักท่องเที่ยวที่ ไม่มีพื้นฐานหรือไม่สันทัดภาษาจีน ควรพกหนังสือรวมคำศัพท์, รวมบทสนทนาพื้นฐานในภาษาจีน หรือแอพพลิเคชั่นเพื่อการแปลภาษา อาทิ Google Translate เผื่อไว้ด้วย 


ป้ายอธิบายเกี่ยวกับแอพลิเคชั่นของพระราชวังต้องห้ามซึ่งมีภาษาอังกฤษกำกับ 

           และมีข้อควรระวังเพิ่มเติมคือ ประเทศจีนในปัจจุบันมีการ บล็อกการเข้าถึงเว็บไซค์ Google (รวมถึงแอพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Google Translate หรือการแปลภาษา), Facebook และ Instagram หากนักท่องเที่ยวต้องการใช้งาน ควร ใช้ซิมโทรศัพท์จากประเทศอื่นพร้อมเปิดระบบบริการโรมมิ่งข้ามประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าวได้

           สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้ อินเตอร์เน็ตจากประเทศจีน หากต้องการสนทนาผ่านโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถ ใช้โปรแกรม WeChat หรือ Weibo ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวจีน และสามารถ ค้นหาข้อมูล จากเว็บไซต์ Baidu.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์หาข้อมูลของประเทศจีน แทน Google


พระราชวังต้องห้ามและนักท่องเที่ยวมากมายที่รอเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน 


           ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชมและสัมผัสบรรยากาศ พระราชวังต้องห้าม สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                             พระราชวังต้องห้าม เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

                             (故宫 , Gugong / Forbidden City / Imperial Palaces of the Ming and Qing Dynasties, Beijing, China)

                             ระดับความนิยม

                             อัตราค่าเข้าชม : 60 หยวน/คน สำหรับเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม และ 40 หยวน/คน สำหรับเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม

                             เวลาเปิด – ปิด : อังคาร – อาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น. – 17.00 น. ในเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม

                                          8.30 น. – 16.30 น. ในเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม

                             ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ทุกฤดูกาล โดยช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดคือช่วงงานเทศกาลสำคัญอย่างวันชาติจีน

                                                             (ต้นเดือนตุลาคม) หรือวันตรุษจีน

                             ตั้งอยู่ที่ : เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

                             โทร : (+88)86108-5007421       E-mail : gugong@dpm.org.cn

                             เว็บไซต์ : http://www.dpm.org.cn/ , http://en.dpm.org.cn/       

                             ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                            จองตั๋วรถไฟ(ภาษาจีน) http://www.12306.cn/mormhweb/

                                            จองตั๋วรถไฟ(ภาษาอังกฤษ) https://english.ctrip.com/trains/

                                            บริการข้อมูลท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง http://en.bcia.com.cn/

                                            รถไฟใต้ดินเมืองปักกิ่ง https://www.bjsubway.com/en/

                                            บริการการข้อมูลท่องเที่ยวเมืองปักกิ่ง http://english.visitbeijing.com.cn/

                                            ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศจีน http://www.visaforchina.org/BKK_TH/

                                            สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประเทศไทย http://www.chinaembassy.or.th/th/

                                            ภัตตาคารหูต้า เมืองปักกิ่ง http://www.hudafanguan.com/

 

 

แนะนำร้านอาหารในเมืองปักกิ่งจาก Palanla

           นอกจากกำแพงเมืองจีนปาต๋าหลิ่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของเมืองปักกิ่งแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองปักกิ่งที่ขาดไม่ได้ ย่อมเป็นเมนูอาหารรสเลิศตามร้านต่างๆ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ภัตตาคารหูต้า (胡大饭馆 / Huda Restaurant)


ภัตตาคารหูต้าแห่งเมืองปักกิ่ง

           ภัตตาคารหูต้าเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงซึ่งเปิดบริการมายาวนาน มีเมนูขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดอาทิ กุ้งก้ามแดง (Crayfish) หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า กุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด (Freshwater Lobster) นอกจากนี้ยังมีเมนูปูขนซึ่งราคาไม่สูงนัก ที่รอให้นักท่องเที่ยวมาลิ้มลองรสชาติกันได้ที่ถนนตงจื๋อเหมินเน่ย เขตตงเฉิน ของเมืองปักกิ่ง (東直門內大街 , 東城区 / Dongzhimennei Street, Dongcheng Area)


โต๊ะอาหารที่เต็มแน่นทุกโต๊ะกับเมนูอันน่าทานของภัตตาคารหูต้า


กุ้งก้ามแดง (Crayfish) หรือ กุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด (Freshwater Lobster) 1 ในเมนูยอดฮิตของร้าน


ปูขน อาหารจานเด็ดที่ราคาเพียง 200 หยวนแต่ได้ปูถึง 5 ตัว !

           และเนื่องจากภัตตาคารหูต้าเป็นภัตตาคารอาหารชื่อดัง จึงมีลูกค้ามาคอยรับบริการเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวจึงควรเผื่อเวลาในการรอคิวรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง – 2 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกนั่งรอคิวได้ในบริเวณที่ทางร้านจัดให้ (พร้อมบริการ Free wifi) หรือเดินแวะไปรองท้องก่อนเล็กน้อยกับร้านค้าอื่นๆ ซึ่งตั้งเรียงรายตลอดถนนสายนี้ได้


แถวลูกค้าที่มานั่งรอรับประทานอาหารของภัตตาคารใต้ป้ายชื่อตึกฮวาเจียหลิงหยวน


เต๊ณท์สำหรับลูกค้าที่มานั่งคอยคิวรับประทานอาหาร


คะแนนของร้านจาก www.palanla.com

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจาง – ดาลัด ประเทศเวียดนาม

หากอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองชายทะเลสุดคึกคักอากาศอบอุ่น แล้วไปผ่อนคลายในเมืองแห่งภูเขาอากาศเย็นสบายที่เวียดนามใต้ ญาจางและดาลัดคือคำตอบ! สองเมืองนี้จะพาคุณดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมที่หลากหลาย Palanla ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจางและดาลัดมาให้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

อาสนวิหารญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

อาสนวิหารญาจาง (Christ the King Cathedral Nha Trang) หรือ โบสถ์หินญาจาง สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม อายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเมือง ด้วยผนังหินสีน้ำตาลเข้มที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง และหลังคาสูงชะลูดที่ดูอลังการ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว

อ่านต่อ

หาดญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

หาดญาจาง (Nha Trang Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศเวียดนาม ด้วยชายรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ความยาวกว่า 6 กิโลเมตรที่โอบล้อมอ่าวญาจาง ในจังหวัดหวัดคั้ญฮวา ท่ามกลางภูมิทัศน์โดยรอบที่สวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญๆ มากมาย

อ่านต่อ

หอคอยแตร่มเฮือง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

หอคอยแตร่มเฮือง (Tram Huong Tower) สัญลักษณ์และจุดเช็กอินยอดนิยมของหาดญาจางในปัจจุบัน

อ่านต่อ

วินเพิร์ลแลนด์ เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

วินเพิร์ลแลนด์ (Vinpearl Land) เป็นสวนสนุกและรีสอร์ตหรูครบวงจรระดับโลกที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่สวยงามติดทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญของการไปเที่ยวที่นี่คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดลองเซิน เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม

วัดลองเซิน (Long Son Pagoda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระใหญ่” เป็นวัดพุทธมหายานเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดของเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม นอกจากความสวยงามอลังการของตัววัดแล้ว จากยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของเมืองญาจางและทะเลได้อย่างสวยงาม

อ่านต่อ

วัดตั๊กลัม เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม

วัดตั๊กลัม (Truc Lam Monastery of Da Lat) เป็นวัดพุทธในนิกายเซนบนยอดเขาเฟืองฮว่าง นอกจากภายในบริเวณวัดจะมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม ยังมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบด้วยสวนดอกไม้สดสวย ถือเป็นวัดที่งดงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในดาลัด

อ่านต่อ

น้ำตกดาตันลา เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม

น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall) ไม่เพียงแต่เป็นน้ำตกที่สวยงาม แต่ยังซ่อนเรื่องราวตำนานพื้นเมืองของดาลัดที่น่าสนใจเอาไว้ นอกจากสัมผัสความเย็นฉ่ำของละอองน้ำที่กระเซ็นจากม่านน้ำตกแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ คือการนั่งรถรางลัดเลาะไปตามเส้นทางที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี

อ่านต่อ

เจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม

เจดีย์มังกรวัดลึงเฟือก (Linh Phuoc Pagoda) วัดศาสนาพุทธนิกายเซนในดาลัด โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ตัวอาคารทำจากเศษกระเบื้องเคลือบงดงามวิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ที่พันรอบองค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัด

อ่านต่อ

ฮาจิ เลน ประเทศสิงคโปร์

ตรอกฮาจิ หรือ ฮาจิ เลน (Haji Lane) ถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวาในย่านกัมปง กลาม (Kampong Glam) ของสิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในฐานะแหล่งรวมร้านค้าบูติก ร้านอาหาร คาเฟ่ และศิลปะบนท้องถนนที่น่าสนใจ ฮาจิ เลน ไม่เพียงแค่เป็นถนนสายช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นเหมือนแกลเลอรี่กลางแจ้งที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมที่หลากหลายของสิงคโปร์อีกด้วย

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ