พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

  • อ่าน (8,665)
  • By Webmaster
  • 10:13:14 | 26 ก.ค. 2561

พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

故宫 , Forbidden City of Beijing, China

 

            พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง ( / Gugong / Forbidden City / Imperial Palaces of the Ming and Qing Dynasties) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ พระราชวังกู้กง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดของเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

 

           พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง เคยเป็นพระราชวังที่ประทับของจักรพรรดิในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง และปัจจุบันยังเป็น พิพิธภัณฑ์พระราชวัง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 720,000 ตารางเมตร ห้องอีกหลายพันห้อง พระที่นั่ง 70 กว่าพระองค์ และยังมีทั้งสวน ลานกว้าง และอื่นๆอีกมากมาย โอบล้อมไว้ด้วยคู และกำแพงสูง 11 เมตร ทำให้พระราชวังต้องห้าม มีสภาพเหมือนเป็นเมืองขนาดย่อมๆเมืองหนึ่งของจักรพรรดิจีนโบราณและข้าราชบริพาร

           ด้วยความยิ่งใหญ่ และการเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมจีนโบราณนี้เอง ที่ทำให้พระราชวังต้องห้าม ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ หากยังได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย 


อีกมุมหนึ่งที่มองเห็นอาคารบนกำแพงของพระราชวังต้องห้ามอย่างชัดเจน 


มองย้อนกลับไป จะเห็นทางเข้าซึ่งเป็นศิลปะจากสมัยราชวงศ์ชิงที่ยังตกทอดมาถึงปัจจุบัน


ป้ายทางเข้าสู่สวนขนาดใหญ่ของพระราชวังต้องห้ามซึ่งเปิดให้เข้าชมเช่นกัน


ทางเดินที่อยู่ใกล้กับพระราชวังต้องห้าม ก็เป็นหนึ่งในทางเดินเล่นที่ได้รับความนิยม


แต่ไม่ว่าอย่างไร การเดินทางเข้าสู่พระราชวังที่เคยปิดตัวเองจากประชาชนทั่วไปนานหลายศตวรรษก็มีเสน่ห์ดึงดูดที่สุด 


ประวัติศาสตร์น่ารู้กับที่มาของพระราชวังต้องห้าม

           ในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง มีการย้ายเมืองหลวงจากเมืองหนานจิงมายังเมืองปักกิ่ง ซึ่งพระราชวังต้องห้ามได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้เอง โดยใช้เวลาในการก่อสร้างตั้งแต่ปี 1406 ไปจนถึงปี 1420 รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 14 ปี และหลังจากนั้นพระราชวังต้องห้าม ก็ได้กลายเป็นพระราชวังอันเป็นที่ประทับหลักของจักรพรรดิองค์ถัดมาอีกหลายพระองค์ ยาวนานไปจนถึงสมัยราชวงศ์ชิง

           จนกระทั่งเกิดการปฎิวัติครั้งสำคัญในปี 1911 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระราชวังต้องห้ามได้เปลี่ยนแปลงบทบาทจากที่ประทับของจักรพรรดิไปเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของล้ำค่าของประเทศ แต่หลังจากนั้น เนื่องจากปัญหาด้านการปกครองประเทศในเวลาดังกล่าว พระราชวังต้องห้ามจึงพบกับความเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ทั้งได้รับความเสียหายจากสงคราม และการสูญเสียสมบัติภายในพระราชวัง ซึ่งเชื่อว่าเคยมีกว่าหนึ่งล้านชิ้นเหลือเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กับพระราชวังต้องห้ามได้ที่ http://en.dpm.org.cn/about/about-museum/2015-01-20/1615.html)


แผงผังและคำอธิบายถึงประวัติของพระราชวังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่

           จนในปี 1961 พระราชวังต้องห้าม จึงได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลจีนในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาติจีน และได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในชื่อของ พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่ง

           อนึ่ง สำหรับคำว่าพระราชวังต้องห้ามนั้น มีที่มาจากคำว่า 紫禁城  หรือ จื่อจิ้นเฉิง ซึ่งหากแปลตรงตามตัวอักษร จะหมายถึงคำว่า เมืองต้องห้ามสีม่วง (บางตำราก็แปลว่าสีเลือดหมู) อันหมายถึงเมืองที่สามัญชนไม่สามารถเข้าไปได้นั่นเอง


กำแพงสีม่วงแกมแดง ที่มาของชื่อในภาษาจีนที่หมายถึงเมืองต้องห้ามสีม่วง


การเดินทางไปพระราชวังต้องห้าม เมืองปักกิ่ง

           พระราชวังต้องห้าม ตั้งอยู่ภายในเขตเมืองปักกิ่ง (หรือเป่ยจิง/ 北京/ Beijing) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจีน และมีท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง หรือ Beijing Capital International Airport (PEK) สนามบินขนาดใหญ่ไว้คอยให้บริการ ทั้งนี้ หลังจากเดินทางมาถึงแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามายังเมืองปักกิ่งได้โดย


             - ชัตเตอร์บัสจากสนามบิน หลังจากมาถึงสนามบินแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการชัตเตอร์บัสจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินทางเพียง 40 นาทีได้ โดยสามารถดูรายละเอียดเส้นทาง, ตารางเวลา รวมถึงค่าบริการชัตเตอร์บัสไปจุดหมายต่างๆภายในเมืองเพิ่มเติมได้ที่ http://en.bcia.com.cn/traffic/airbus/index.shtml

             - รถบัส หรือรถบัสยาวของชาวจีน เป็นหนึ่งในบริการขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน เนื่องจากเส้นทางและรอบเวลาที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่เมืองปักกิ่งได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเส้นทาง, ตารางเวลา รวมถึงอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bjbus.com/home/index.php

             - รถไฟฟ้าใต้ดิน นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน Airport Express ซึ่งเป็นบริการรถไฟใต้ดินจากสนามบินสู่ สถานี Dongzhimen ซึ่งอยู่ในตัวเมืองปักกิ่งและเป็นหนึ่งในสถานีเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟใต้ดินหรือขนส่งสารธารณะอื่นๆ โดยใช้เวลาการเดินทางเพียง 25 นาที ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเส้นทาง,รอบเวลาในการวิ่ง และอัตราค่าโดยสารของรถไฟใต้ดินได้ที่ https://www.bjsubway.com/en/

             - รถยนต์ / แท็กซี่สาธารณะ เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นของเส้นทางและเวลาเดินทาง โดยอัตราค่าบริการแท็กซี่ภายในเมืองปักกิ่งจะเริ่มต้นที่ ประมาณ 13 หยวน และอัตราค่าบริการเหมาจากสนามบินไปยังในตัวเมืองปักกิ่งจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 140 หยวน

           และหลังจากมาถึงเมืองปักกิ่งแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อไปยังพระราชวังต้องห้าม ซึ่งถือว่าตั้งอยู่ ใจกลางเมืองปักกิ่ง ได้หลายวิธี อาทิ

             - รถโดยสารสาธารณะ พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ติดกับจัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่เดินทางไปจัตุรัสเทียนอันเหมินได้ ไม่ว่าจะเป็นสาย 2, 5, 120, รถโดยสารท่องเที่ยวสาย 1 (城市观光1线) ที่จอดป้ายจัตุรัสเทียนอันเหมินตะวันออก (天安门广场西) หรือสาย 1, 17, 52, 82, รถโดยสารท่องเที่ยวสาย 2 (城市观光2线) ที่จอดป้ายเทียนอันเหมินตะวันออก (天安门东) โดยมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 2 หยวน/คน

           ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมายเลขรถโดยสารสาธารณะ, รอบเวลาและเส้นทางการวิ่งของรถโดยสารแต่ละเส้นทางได้ที่ http://beijing.8684.cn/

             - รถไฟฟ้าใต้ดิน สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ให้บริการภายในเมืองปักกิ่ง เลือกลงที่ สถานี Tian’anmen West หรือ สถานี Tian’anmen East  ซึ่งอยู่ติดกับจัตุรัสเทียนอันเหมิน และเดินต่อไปยังพระราชวังต้องห้ามที่อยู่ติดๆกันได้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเส้นทาง,รอบเวลาในการวิ่ง และอัตราค่าโดยสารของรถไฟใต้ดินได้ที่ https://www.bjsubway.com/en/

             - รถยนต์ / แท็กซี่สาธารณะ เป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่นของเส้นทางและเวลาเดินทาง ทั้งนี้ อัตราค่าบริการแท็กซี่ภายในเมืองปักกิ่งจะเริ่มต้นที่ 13 หยวน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกดูเส้นทางที่เหมาะสมเพิ่มเติมได้ที่ https://map.baidu.com/


แผนที่ที่อยู่ตามบริเวณทางเข้าออกของพระราชวังต้องห้าม เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว


เวลาในการเปิด-ปิดทำการ

           พระราชวังต้องห้ามเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมความยิ่งใหญ่และความสวยงาม ตั้งแต่ วันอังคาร – วันอาทิตย์ โดยจะหยุดให้บริการทุกวันจันทร์ (เว้นแต่ตรงกับวันชาติจีน) โดยมีเวลาในการให้บริการต่างกันไปตามฤดูกาล คือ

             เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 17.00 น. โดยจุดบริการจำหน่ายบัตรจะปิดบริการเวลา 16.00 น. และจะเปิดให้เข้ารอบสุดท้ายถึงแค่เวลา 16.10 น.

             เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 16.30 น. โดยจุดบริการจำหน่ายบัตรจะปิดบริการเวลา 15.30 น. และจะเปิดให้เข้ารอบสุดท้ายถึงแค่เวลา 13.30 น.

           โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดเพิ่มเติม สำหรับโอกาสพิเศษ หรือการซ่อมแซมบางสถานที่ได้ที่ http://en.dpm.org.cn/visit/hours/ 


นักท่องเที่ยวที่ต่อแถวซื้อบัตรเข้าชมและรอเวลาในการเปิดให้เข้าไปเที่ยวในพระราชวังต้องห้ามอันโด่งดัง


อัตราค่าเข้าชม

           ปัจจุบัน เพื่อเป็นการอนุรักษ์พระราชวังต้องห้าม ได้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ ไม่เกิน 80,000 คน/วัน และแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเยี่ยมชม ซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าที่ http://gugong.228.com.cn/ โดยมีอัตราค่าเข้าชมคือ

             เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม มีอัตราค่าเข้าชมอยู่ที่ 60 หยวน/คน

             เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม มีอัตราค่าเข้าชมอยู่ที่ 40 หยวน/คน

           ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดค่าเข้าชม และส่วนลดสำหรับวันพิเศษต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ http://en.dpm.org.cn/visit/tickets/


นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมมีหลากหลายวัย ทั้งนี้หากเป็นนักเรียนนักศึกษา และผู้สูงอายุ จะได้รับส่วนลดค่าเข้าชม 


สิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวพระราชวังต้องห้าม

           ปัจจุบัน พระราชวังต้องห้ามมีบริการอำนวยความสะดวกหลากหลายอย่างให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับสูบบุหรี่ หรือ ห้องพยาบาลสำหรับนักท่องเที่ยว

           นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง Audio Guide บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม, ร้านของที่ระลึก และ ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบจุดให้บริการได้ที่ http://en.dpm.org.cn/visit/facilities/

 


ป้ายแสดงภาษาที่มีให้บริการสำหรับ Audio หรือ Automatic Guide


เวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวชมความงดงามตระการตาของพระราชวังต้องห้ามได้ตลอดทั้งปี โดยฤดูกาลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วง เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม อันเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25 – 32 องศาเซลเซียส และมีแสงแดดสาดส่องทำให้สามารถเก็บรายละเอียดผลงานศิลปะภายในพระราชวังได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวต้องการมาสัมผัสบรรยากาศอื่นๆ อาทิ หิมะสีขาวตัดกับสิ่งก่อสร้างในฤดูหนาว หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

           แต่ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวควร หลีกเลี่ยงการไปเยือนในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวของจีน อาทิ ช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือวันชาติจีน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมหาศาล จนอาจเป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวชมได้ โดยสามารถดูรายละเอียดของวันและเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงเพิ่มเติมได้ที่ http://en.dpm.org.cn/home3/2015-01-20/1628.html


ผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงเทศกาลวันชาติจีนที่รอเข้าไปเที่ยวพระราชวังต้องห้าม

           โดยนักท่องเที่ยวควรใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ครึ่งวัน ในการชมความสวยงามของพระราชวังต้องห้าม และควรศึกษาวางแผนเส้นทางการเดินชม ตลอดจนตรวจสอบพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการเที่ยวชมได้ที่ https://www.accuweather.com/ 


ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ในการท่องเที่ยวพระราชวังต้องห้าม และเมืองปักกิ่ง

           พระราชวังต้องห้ามแห่งเมืองปักกิ่ง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ซึ่งรายล้อมไปด้วยขนส่งสาธารณะ โรงแรม หรือตลาดอยู่ใกล้ๆ ทำให้เหมาะที่เป็นสถานที่พักผ่อน หรือตั้งเป็นจุดเริ่มต้นในทริปการเดินทางท่องเที่ยว

           ทั้งนี้ ถึงแม้การเดินทางภายในปักกิ่งจะถือว่าสะดวกสบายและครอบคลุมเป็นอย่างมาก อีกทั้งตามระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะอาทิ รถไฟ หรือรถไฟใต้ดินยังมีภาษาอังกฤษกำกับบอกซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ดี นอกจากระบบขนส่งสำคัญ และภายในสถานที่ท่องเที่ยวกับโรงแรมแห่งใหญ่ ยังไม่มีการให้บริการและการสื่อสารภาษาอังกฤษมากนัก นักท่องเที่ยวที่ ไม่มีพื้นฐานหรือไม่สันทัดภาษาจีน ควรพกหนังสือรวมคำศัพท์, รวมบทสนทนาพื้นฐานในภาษาจีน หรือแอพพลิเคชั่นเพื่อการแปลภาษา อาทิ Google Translate เผื่อไว้ด้วย 


ป้ายอธิบายเกี่ยวกับแอพลิเคชั่นของพระราชวังต้องห้ามซึ่งมีภาษาอังกฤษกำกับ 

           และมีข้อควรระวังเพิ่มเติมคือ ประเทศจีนในปัจจุบันมีการ บล็อกการเข้าถึงเว็บไซค์ Google (รวมถึงแอพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Google Translate หรือการแปลภาษา), Facebook และ Instagram หากนักท่องเที่ยวต้องการใช้งาน ควร ใช้ซิมโทรศัพท์จากประเทศอื่นพร้อมเปิดระบบบริการโรมมิ่งข้ามประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าวได้

           สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้ อินเตอร์เน็ตจากประเทศจีน หากต้องการสนทนาผ่านโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถ ใช้โปรแกรม WeChat หรือ Weibo ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวจีน และสามารถ ค้นหาข้อมูล จากเว็บไซต์ Baidu.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์หาข้อมูลของประเทศจีน แทน Google


พระราชวังต้องห้ามและนักท่องเที่ยวมากมายที่รอเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน 


           ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชมและสัมผัสบรรยากาศ พระราชวังต้องห้าม สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                             พระราชวังต้องห้าม เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

                             (故宫 , Gugong / Forbidden City / Imperial Palaces of the Ming and Qing Dynasties, Beijing, China)

                             ระดับความนิยม

                             อัตราค่าเข้าชม : 60 หยวน/คน สำหรับเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม และ 40 หยวน/คน สำหรับเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม

                             เวลาเปิด – ปิด : อังคาร – อาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น. – 17.00 น. ในเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม

                                          8.30 น. – 16.30 น. ในเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม

                             ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ทุกฤดูกาล โดยช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดคือช่วงงานเทศกาลสำคัญอย่างวันชาติจีน

                                                             (ต้นเดือนตุลาคม) หรือวันตรุษจีน

                             ตั้งอยู่ที่ : เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

                             โทร : (+88)86108-5007421       E-mail : gugong@dpm.org.cn

                             เว็บไซต์ : http://www.dpm.org.cn/ , http://en.dpm.org.cn/       

                             ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                            จองตั๋วรถไฟ(ภาษาจีน) http://www.12306.cn/mormhweb/

                                            จองตั๋วรถไฟ(ภาษาอังกฤษ) https://english.ctrip.com/trains/

                                            บริการข้อมูลท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง http://en.bcia.com.cn/

                                            รถไฟใต้ดินเมืองปักกิ่ง https://www.bjsubway.com/en/

                                            บริการการข้อมูลท่องเที่ยวเมืองปักกิ่ง http://english.visitbeijing.com.cn/

                                            ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศจีน http://www.visaforchina.org/BKK_TH/

                                            สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประเทศไทย http://www.chinaembassy.or.th/th/

                                            ภัตตาคารหูต้า เมืองปักกิ่ง http://www.hudafanguan.com/

 

 

แนะนำร้านอาหารในเมืองปักกิ่งจาก Palanla

           นอกจากกำแพงเมืองจีนปาต๋าหลิ่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของเมืองปักกิ่งแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองปักกิ่งที่ขาดไม่ได้ ย่อมเป็นเมนูอาหารรสเลิศตามร้านต่างๆ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ภัตตาคารหูต้า (胡大饭馆 / Huda Restaurant)


ภัตตาคารหูต้าแห่งเมืองปักกิ่ง

           ภัตตาคารหูต้าเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงซึ่งเปิดบริการมายาวนาน มีเมนูขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดอาทิ กุ้งก้ามแดง (Crayfish) หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า กุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด (Freshwater Lobster) นอกจากนี้ยังมีเมนูปูขนซึ่งราคาไม่สูงนัก ที่รอให้นักท่องเที่ยวมาลิ้มลองรสชาติกันได้ที่ถนนตงจื๋อเหมินเน่ย เขตตงเฉิน ของเมืองปักกิ่ง (東直門內大街 , 東城区 / Dongzhimennei Street, Dongcheng Area)


โต๊ะอาหารที่เต็มแน่นทุกโต๊ะกับเมนูอันน่าทานของภัตตาคารหูต้า


กุ้งก้ามแดง (Crayfish) หรือ กุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด (Freshwater Lobster) 1 ในเมนูยอดฮิตของร้าน


ปูขน อาหารจานเด็ดที่ราคาเพียง 200 หยวนแต่ได้ปูถึง 5 ตัว !

           และเนื่องจากภัตตาคารหูต้าเป็นภัตตาคารอาหารชื่อดัง จึงมีลูกค้ามาคอยรับบริการเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวจึงควรเผื่อเวลาในการรอคิวรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง – 2 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกนั่งรอคิวได้ในบริเวณที่ทางร้านจัดให้ (พร้อมบริการ Free wifi) หรือเดินแวะไปรองท้องก่อนเล็กน้อยกับร้านค้าอื่นๆ ซึ่งตั้งเรียงรายตลอดถนนสายนี้ได้


แถวลูกค้าที่มานั่งรอรับประทานอาหารของภัตตาคารใต้ป้ายชื่อตึกฮวาเจียหลิงหยวน


เต๊ณท์สำหรับลูกค้าที่มานั่งคอยคิวรับประทานอาหาร


คะแนนของร้านจาก www.palanla.com

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น

จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เป็นเขตปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ใน ภูมิภาคคันโต ของประเทศญี่ปุ่น จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายเมืองด้วยกัน อาทิ คามาคุระ (Kamakura) โยโกฮาม่า (Yokohama) และฮาโกเน่ (Hakone)…Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ตั้งแต่ชายหาด พระใหญ่ วัดเก่าแก่ ศาลเจ้า ไชน่าทาวน์ สวนสนุก อควาเรียม ทะเลสาบ ไปจนถึงกระเช้าลอยฟ้าและจุดชมภูเขาไฟฟูจิ มาไว้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

สวนหลิวหยวน เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนหลิวหยวน หรือ สวนสิงโต (Lion Forest Garden) เป็นสวนจีนโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน สวนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของและชื่อหลายครั้งตลอดหลายศตวรรษ สวนหลิวหยวน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนคลาสสิกที่สำคัญที่สุดของซูโจว และเป็นส่วนหนึ่งของ "สวนคลาสสิกของซูโจว" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.2000

อ่านต่อ

สวนจัวเจิ้ง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนจัวเจิ้ง (Humble Administrator’s Garden) เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวและได้ชื่อว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนตอนใต้ สวนแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จีนหลายเรื่องด้วยกัน และได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1997

อ่านต่อ

เนินเขาเสือ เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

เนินเขาเสือ หรือเนินหู่ชิว (Tiger Hill) ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในซูโจว นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่มีเสน่ห์และโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของซูโจว ไม่ว่าจะเป็นหลุมศพโบราณ บ่อน้ำ เจดีย์ และห้องสมบัติ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสวยงามของทิวทัศน์ในวรรณคดีจีนโบราณ โดยที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย

อ่านต่อ

ทะเลสาบจินจี เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ทะเลสาบจินจี (Jinji Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในซูโจว ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ศูนย์จัดแสดงสินค้า พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ฯลฯ ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

ถนนซานถัง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ถนนซานถัง (Shantang Street) ถนนโบราณที่มีความเก่าแก่เกือบ 1,200 ปี ครั้งหนึ่งถนนสายนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ปัจจุบันซานถังยังคงเป็นถนนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “ภาพย่อของซูโจวเก่า” และยังถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ AAAA ของประเทศ

อ่านต่อ

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น (Grand Canal National Culture Park) เป็นส่วนหนึ่งของคลองต้ายุ่นซึ่งทอดตัวยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร และเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมสำคัญในประเทศจีนมานานกว่า 2,500 ปี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ