15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในประเทศพม่า

  • อ่าน (10,944)
  • By Webmaster
  • 13:31:44 | 30 ม.ค. 2567

15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในประเทศพม่า

Top 15 Travel Destinations Myanmar

           ประเทศพม่า ดินแดนแห่งศรัทธาอันเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวของใครหลายๆคน ที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนซึ่งเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาในศาสนา ความงดงามของเจดีย์ทองคำในเมืองสำคัญต่างๆ และสัมผัสกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองในดินแดนแห่งนี้ วันนี้เราจึงมาแนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในพม่าทั้งในเมืองสำคัญอย่างย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ไปจนถึงพุกาม ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญและมีความน่าสนใจมากมาย


 1. เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagong Pagoda) 

           เจดีย์ชเวดากอง เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด และมีความสำคัญสูงสุดในประเทศพม่า ตั้งอยู่บนเนินเขาเชียงกุตระในเมืองย่างกุ้ง โดยคำว่า ”ชเว” หมายถึง ทองคำ และ ”ดากอง” คือชื่อเมืองย่างกุ้งในอดีต ภายในเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของเส้นผมจำนวน 8 เส้น

           บริเวณยอดเจดีย์ชเวดากองประดับด้วยเครื่องประดับต่างๆ รวมถึงเพชร 5,448 เม็ด ชั้นบนสุดมีทับทิม 2,317 เม็ด และเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัต ซึ่งทั้งหมดมาจากการบริจาคของกษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดินและประชาชนทั่วไป และแม้ว่าเจดีย์ชเวดากองจะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลายต่อหลายครั้งในอดีต แต่ก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้อยู่ในสภาพดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

การเดินทาง : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางด้วยรถแท็กซี่ ราคาเมื่อเดินทางจากจุดต่างๆภายในเมืองไปยังเจดีย์ชเวดากอง อยู่ที่ประมาณ 2,500 - 4,500 จ๊าด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถและระยะทาง)

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน เวลา 04.00 – 22.00 น.

ค่าเข้าชม : 8,000 จ๊าด หรือ USD 8

พิกัด GPS : 16°47'54.9"N 96°08'58.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจดีย์ชเวดากองได้ที่http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=125
 

2. พระธาตุอินทร์แขวน (Kyaiktiyo Pagoda)

           พระธาตุอินทร์แขวน หรือพระธาตุไจทีโย เป็นหนึ่งใน 5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของประเทศพม่า ตั้งอยู่บนภูเขาในเมืองไจก์โท ห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 158 กิโลเมตร มีความโดดเด่นจากที่ตั้งของตัวเจดีย์ที่อยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ อีกทั้งยังอยู่บริเวณริมหน้าผาสูงชันบนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ ก่อให้เกิดภาพอันมหัศจรรย์ราวกับปาฏิหาริย์ที่ก้อนหินอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุอินทร์แขวนนั้นไม่ร่วงหล่นลงไปสู่เบื้องล่าง และยังคงตั้งอยู่อย่างมั่นคงให้ผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมาสักการบูชามาจนถึงปัจจุบัน

           ตามตำนานกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาล ฤๅษีติสสะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้า บรรดาผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ส่วนฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร เขาได้ตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของตนเอง พระอินทร์จึงช่วยเสาะหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้ท้องมหาสมุทร และนำมาวางไว้บนภูเขาหิน จนเป็นที่มาของพระธาตุที่ชื่อว่า”อินทร์แขวน”มาจนถึงปัจจุบัน

การเดินทาง : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางด้วยวิธีเหมารถแท็กซี่จากย่างกุ้งไปยังพระธาตุอินทร์แขวน(ราคาประมาณ USD 90 - 150 ต่อวัน) หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ โดยสารรถทัวร์ระหว่างเมืองย่างกุ้ง-ไจ๊ทิโย ราคาประมาณ 7,000 - 8,000 จ๊าดต่อคน จากนั้นขึ้นรถบรรทุกหรือกระเช้าลอยฟ้าไปที่พระธาตุบนภูเขา

เวลาเปิดทำการ : บริเวณพระธาตุอินทร์แขวนเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง รถขึ้นเขาให้บริการตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.

ค่าเข้าชม : ค่ารถขึ้นไปยังพระธาตุ คนละ 2,500 จ๊าด Cable Car 7,000 จ๊าด ค่าเข้าชมพระธาตุอินทร์แขวน 10,000 จ๊าด

พิกัด GPS : 17°28'53.8"N 97°05'53.6"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระธาตุอินทร์แขวนได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=128
 

3. เมืองเก่าพุกาม ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์ (Bagan)

           พุกามถือเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่ออันดับต้นๆของประเทศพม่า โดยมีจุดกำเนิดจากความรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกามในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งกษัตริย์พระองค์ต่างๆในช่วงเวลานั้นมีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ทำให้มีการสร้างเจดีย์ขึ้นมาเป็นจำนวนมากกว่า 10,000 องค์ จนไม่ว่าจะมองไปทางใดก็เห็นแต่ยอดแหลมของเจดีย์ทุกพื้นที่

           ภายหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรพุกาม เจดีย์บางส่วนก็ได้ทรุดโทรมและพังทลายลงมาตามกาลเวลา จนในปัจจุบันมีจำนวนเจดีย์เหลืออยู่ประมาณ 4,000 องค์ แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีตได้อย่างชัดเจน รวมถึงเจดีย์องค์สำคัญต่างๆก็ได้รับการดูแลบูรณะอย่างดี และนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความสวยงามตระการตาของทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกามได้ทั้งจากการขึ้นบอลลูน หรือขึ้นไปตามยอดเจดีย์ต่างๆที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถรับชมวิวมุมสูงของพุกาม ซึ่งจะงดงามเป็นพิเศษในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก 

การเดินทาง : วิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คือโดยสารรถบัสจากเมืองมัณฑะเลย์ เนื่องจากมีราคาถูก โดยค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณเที่ยวละ 8,000 จ๊าด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางได้ด้วยเครื่องบิน ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีจากมัณฑะเลย์

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : เขตเมืองเก่าพุกามมีการจำหน่ายบัตรเข้าชม ราคา 25,000 จ๊าด ใช้ได้ต่อเนื่อง 5 วัน

พิกัด GPS : 21°10'18.3"N 94°51'30.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมืองเก่าพุกามได้ที่ : http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=146
 

4. วัดอนันดา (Ananda Temple)

           วัดอนันดา เป็นวัดในเขตเมืองเก่าพุกามที่ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมากทางด้านสถาปัตยกรรมและพุทธศิลป์มากที่สุด มีลักษณะเด่นคือตัวเจดีย์ที่เป็นสีขาว มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีซุ้มประตูยาวสี่ด้านขนาดเท่ากันเชื่อมไปสู่ตัววิหาร ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับไม้กางเขนในรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก ภายในวิหารมีพระพุทธรูปยืนที่แกะสลักด้วยไม้สักโดยช่างศิลป์ชั้นสูงชาวพม่าประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ

           พระพุทธรูป 4 องค์ตามทั้ง 4 ทิศที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าในชาติภพต่างๆตามภัทรกัป ประกอบไปด้วยพระกกุสันธพุทธเจ้า ประจำด้านทิศเหนือ พระโกนาคมนพุทธเจ้า ประจำด้านทิศตะวันออก พระกัสสปพุทธเจ้า ประจำด้านทิศใต้ และพระโคตมพุทธเจ้า ประจำด้านทิศตะวันตก นอกจากนี้ภายในพระวิหารยังมีการวาดศิลปะฝาผนังในแบบพม่าที่งดงามอยู่อีกด้วย

การเดินทาง : วิธีการเดินทางภายในตัวเมืองพุกาม มีทั้งการใช้บริการรถแท็กซี่แบบเหมารายเที่ยว หรือรายวัน โดยอัตราเหมาต่อ 1 วันอยู่ที่ประมาณ USD 70 - 120 อีกวิธีหนึ่งคือการเช่ารถ E-bike หรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มีราคาเช่าต่อหนึ่งวันอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 10,000 จ๊าด หรือใช้บริการรถม้า ซึ่งรูปแบบการส่วนใหญ่จะเป็นแบบเหมา 1 วัน ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 จ๊าด

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : เขตเมืองเก่าพุกามมีการจำหน่ายบัตรเข้าชม ราคา 25,000 จ๊าด ใช้ได้ต่อเนื่อง 5 วัน 

พิกัด GPS : 21°10'15.9"N 94°52'03.6"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดอนันดาได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=150
 

5. เจดีย์กุโสดอ (Kuthodaw Pagoda)

           เจดีย์กุโสดอ เป็นเจดีย์สำคัญที่ตั้งอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ใช้รูปแบบการสร้างแบบเดียวกับเจดีย์ชเวซิกอง ในเมืองพุกาม และยังเป็นที่ตั้งของ “หนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” จากการสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์พม่า และได้มีการจารึกข้อความทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่จำนวน 729 แผ่น ซึ่งตั้งอยู่รายล้อมพระเจดีย์

           เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1857 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการสร้างพระราชวังมัณฑะเลย์รวมถึงตัวเมือง ในสมัยที่พระเจ้ามินดงใช้เมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองหลวง จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นอนุสรณ์สถานในการสังคายนาพระไตรปิฏกที่นับเป็นครั้งที่ 4 ของโลก โดยลักษณะของตัวเจดีย์เป็นสีทอง มีความสูง 30 เมตร รายล้อมด้วยมณฑปสีขาวทั้ง 4 ทิศ ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานของแผ่นหินอ่อนที่ใช้จารึกข้อความจากพระไตรปิฏก

การเดินทาง : รถแท็กซี่ โดยอัตราค่าโดยสารต่อเที่ยวไปยังจุดต่างๆเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 จ๊าด ส่วนอัตราเหมาต่อ 1 วันอยู่ที่ประมาณ USD 50 - 90 โดยอัตราค่าโดยสารทั้งสองรูปแบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถ จุดหมาย และระยะทางในการเดินทาง

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น.

ค่าเข้าชม : สถานที่สำคัญต่างๆในเมืองมัณฑะเลย์มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมแบบรวม ซึ่งมีชื่อว่า Mandalay Archaeological Zone ticket ราคา USD 10 หรือ 10,000 จ๊าด

พิกัด GPS : 22°00'16.7"N 96°06'46.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจดีย์กุโสดอได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=144
 

6. สะพานอูเบ็ง (Ubein Bridge)

           สะพานไม้สักที่ยาวและเก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งมีอายุกว่า 167 ปี และมีความยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเมืองอมรปุระ ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ สร้างขึ้นจากไม้สักจำนวน 1,086 ต้น ซึ่งเป็นไม้ที่เหลือจากการรื้อพระราชวังกรุงอังวะในปีค.ศ. 1783  ในสมัยที่พระเจ้าปดุงโปรดให้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองอังวะ มายังเมืองอมรปุระ และนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเรื่องของจุดชมวิวยามพระอาทิตย์ตกแล้ว สะพานอูเบ็งยังเป็นสถานที่ซึ่งชาวพม่าใช้สัญจรไปมาในชีวิตประจำวันอีกด้วย

           แม้จะผ่านกาลเวลามานับร้อยปี แต่โครงสร้างของสะพานในปัจจุบันยังถือว่ามั่นคงแข็งแรงด้วยจำนวนเสาไม้สักทั้งหมด 1,086 ต้น แต่ละต้นถูกปักลึกลงไปใต้ดินกว่า 7 ฟุต บวกกับการเสริมปูนซีเมนต์เข้าไปบางส่วนเพื่อรักษาสภาพการใช้งานเอาไว้ และยังมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เป็นระยะ สะพานอูเบ็งจึงยืนหยัดคู่กับวิถีชีวิตของชาวอมรปุระมาจนถึงทุกวันนี้ 

การเดินทาง : รถแท็กซี่ โดยอัตราค่าโดยสารต่อเที่ยวไปยังจุดต่างๆเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 จ๊าด ส่วนอัตราเหมาต่อ 1 วันอยู่ที่ประมาณ USD 50 - 90 โดยอัตราค่าโดยสารทั้งสองรูปแบบอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถ จุดหมาย และระยะทางในการเดินทาง

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

พิกัด GPS : 21°53'29.7"N 96°03'28.1"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสะพานอูเบ็งได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=151
 

7. พระพุทธรูปเลจุน เซจาร์ (Laykyun Sekkya Buddha)

           พระพุทธรูปเลจุน เซจาร์ ตั้งอยู่ในเมืองโมนยวา คือพระพุทธรูปยืนและพระนอน โดยพระพุทธรูปยืนนั้นถือเป็นพระพุทธรูปที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก และพระนอนซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนอนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การก่อสร้างพระพุทธรูปเลจุน เซจาร์ ทั้ง 2 องค์ เริ่มต้นในปี ค.ศ.1996 และใช้เวลาก่อสร้างรวม 12 ปี จึงเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2008 องค์พระนอนนั้นมีความสูงถึง 170 เมตร และพระพุทธรูปแบบยืนนั้นมีความสูง 115.8 เมตร เป็นรองเพียงแค่พระพุทธรูป Spring Temple Buddha ที่มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความสูงมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยความสูง 128 เมตร

การเดินทาง : พระพุทธรูปเลจุน เซจาร์ตั้งอยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ประมาณ 125 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะต้องเหมารถแท็กซี่แบบ 1 วัน ราคาประมาณ USD 50 - 90

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น.

ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชม USD 3

พิกัด GPS : 22°04'49.0"N 95°17'19.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระพุทธรูปเลจุน เซจาร์ได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=145
 

8. ระฆังมิงกุน (Mingun Bell)

           ระฆังมิงกุน เป็นระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเมืองมิงกุน ไม่ไกลจากเมืองมัณฑะเลย์ ถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของพระเจ้าปดุง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์อลองพญา ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของพม่า เพื่อให้ตั้งอยู่คู่กับความยิ่งใหญ่ของเจดีย์มิงกุน ซึ่งพระเจ้าปดุงตั้งพระทัยไว้ว่าจะสร้างให้เป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ไม่อาจดำเนินการสร้างได้เสร็จสิ้น

           ระฆังมิงกุน มีเส้นรอบวงขนาด 10 เมตร ความสูง 3.70 เมตร และมีน้ำหนัก 87 ตัน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นรองเพียงแค่ระฆังของพระเจ้าซาร์ (The Tsar Bell) ตั้งอยู่ที่พระราชวังเครมลินในกรุงมอสโคว ประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่เนื่องจากระฆังของพระเจ้าซาร์นั้นได้แตกร้าวไปตั้งแต่ระหว่างการก่อสร้าง และไม่เคยถูกนำมาใช้งานจริง ระฆังมิงกุนจึงถือเป็นระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่สามารถตีและส่งเสียก้องกังวานได้ในปัจจุบัน

การเดินทาง : เมืองมิงกุนตั้งอยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะต้องเหมารถแท็กซี่แบบ 1 วัน ราคาประมาณ USD 50-90 นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือการล่องเรือข้ามแม่น้ำอิรวดี ใช้เวลาในการล่องเรือเที่ยวละประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 5,000 จ๊าด จุดขึ้นเรือนั้นมีชื่อว่า Mayan Gyan Jetty ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองมัณฑะเลย์

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น.

พิกัด GPS : 22°03'11.0"N 96°01'04.2"E

ค่าเข้าชม : เมืองมิงกุนมีการเก็บค่าเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวคนละ 5,000 จ๊าด ซึ่งหลังจากนั้นสามารถเข้าชมสถานที่ต่างๆภายในเมืองมิงกุนได้ภายใน 1 วันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
 

9. ภูเขาโปปา (Mount Popa)

           ภูเขาโปปา เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,518 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกาม โดยชาวพม่าเชื่อกันว่าภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นที่สถิตของเทวดาและ “นัต” วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อของชาวพม่า จำนวน 37 องค์ และในบันทึกของชาวพม่าโบราณยังเปรียบเทียบว่าภูเขาแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับเขาพระสุเมรุ ที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล

           การเดินทางขึ้นไปบนภูเขาโปปา จะต้องเดินขึ้นบันไดจำนวน 777 ขั้น ไปสู่ด้านบนของภูเขา ซึ่งจะมีวัด เจดีย์ และรูปเคารพต่างๆให้กราบไหว้บูชา นอกจากนี้ทัศนียภาพจากด้านบนภูเขาโปปานั้น ในวันที่สภาพอากาศแจ่มใส ยังสามารถมองเห็นพื้นที่บางส่วนของเขตเมืองเก่าพุกามได้อีกด้วย

การเดินทาง : ภูเขาโปปาตั้งอยู่ห่างจากเมืองพุกามประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะต้องเหมารถแท็กซี่แบบ 1 วัน ราคาประมาณ USD 50-90

เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 20.00 น.

ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

พิกัด GPS : 20°55'14.5"N 95°15'12.0"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูเขาโปปาได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=147
 

 10. เจดีย์ไจปุ่น (Kyaikpun Pagoda)

 

           เจดีย์ไจปุ่น เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 500 ปี ตั้งอยู่ในเมืองพะโค ห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 120 กิโลเมตรมีจุดเด่นสำคัญคือการสร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ โดยแต่ละองค์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศ ซึ่งแสดงถึงพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ในพุทธวงศ์ และยังเป็นตัวแทนของพระราชธิดาทั้ง 4 องค์ของกษัตริย์มอญที่อุทิศตนให้กับพุทธศาสนา และเป็นผู้ร่วมกันสร้างเจดีย์ไจปุ่นขึ้นมา

           คำว่า ”ไจ” ในภาษามอญมีความหมายว่า “พระ หรือเจดีย์” ส่วน “ปุ่น” นั้นแปลว่า “สี่” เมื่อนำมารวมกันแล้ว ชื่อของเจดีย์ไจปุ่นจึงมีความหมายว่า “เจดีย์พระสี่ทิศ” ตรงกับรูปลักษณ์ของพระเจดีย็นี้ ที่มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ โดยแต่ละทิศคือพระพุทธเจ้าในชาติต่างๆ ได้แก่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทางทิศเหนือ พระพุทธเจ้าโกนาคมโนทางทิศใต้ พระพุทธเจ้ากกุสันโธทางทิศตะวันออก และพระพุทธเจ้ามหากัสสป ในทิศตะวันตก

การเดินทาง : จากเมืองย่างกุ้ง มีรถบัสให้บริการไปยังเมืองพะโค ราคา 2,000 จ๊าด แต่เนื่องจากในเมืองพะโคมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง นักท่องเที่ยวหลายคนจึงนิยมเหมารถแท็กซี่ไปจากเมืองย่างกุ้ง ราคาประมาณ USD 50-60 ต่อหนึ่งวัน   

เวลาเปิดทำการ : 05.00 – 21.00 น.

ค่าเข้าชม : มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมพื้นที่โบราณสถานในเมืองพะโคราคา USD 10 หรือ 10,000 จ๊าดต่อคน ซึ่งสามารถเข้าชมเจดีย์ไจปุ่น และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในเมืองพะโคได้

พิกัด GPS : 17°18'14.9"N 96°27'32.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจดีย์ไจปุ่นได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=129


11. เจดีย์ชเวสิกอง (Shwesigon Pagoda)

           เจดีย์ชเวสิกอง เป็นหนึ่งในห้ามหาเจดีย์ของประเทศพม่า โดยเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำคัญทั้งหมด 3 ส่วน คือ พระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้ว ที่กษัตริย์แห่งศรีลังกานำมาถวาย พระธาตุกระดูกไหล่ ที่นำมาจากเมืองศรีเกษตร และพระธาตุพระนลาฏ โดยผู้สร้างเจดีย์แห่งนี้คือพระเจ้าอโนรธามังช่อ กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์พุกาม และเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินแถบนั้นจนเป็นปึกแผ่นและตั้งอาณาจักรพุกามขึ้นมา

การเดินทาง : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางด้วยรถแท็กซี่ ทั้งแบบเหมาทั้งวันหรือรายเที่ยว โดยราคาแบบรายเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 4,500 จ๊าด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถและระยะทาง)

เวลาเปิดทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : USD 20

พิกัด GPS : 21°11'43.2"N 94°53'38.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจดีย์ชเวสิกองได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=325

 

12. บอลลูนชมทะเลเจดีย์พุกาม (Balloons over Bagan)

           บอลลูนชมทะเลเจดีย์พุกาม เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยือนเมืองพุกาม ซึ่งมีชื่อเสียงจากประวัติศาสตร์และความเก่าแก่ของทะเลเจดีย์จำนวนหลายพันองค์ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยที่พุกามเคยมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอดีต โดยการขึ้นบอลลูนนั้นจะได้ชมความงดงามอลังการของเมืองพุกามจากมุมสูงในยามเช้า พร้อมๆ กับดวงอาทิตย์ที่ลอยขึ้นจากท้องฟ้า

การเดินทาง : แพ็คเกจขึ้นบอลลูนจะรวมรถรับส่งของบริษัทจากโรงแรมไปยังจุดขึ้นบอลลูนแล้ว

ค่าบริการ : USD 350

พิกัด GPS : 21°11'25.6"N 94°53'56.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบอลลูนชมทะเลเจดีย์พุกามได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=324


13. พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Royal Palace)

           พระราชวังมัณฑะเลย์ เป็นพระราชวังสุดท้ายแห่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพม่า ก่อนที่จะถูกทำลายโดยทหารอังกฤษ ในยุคสงครามโลกครั้งที่สองรูปแบบในการก่อสร้างเป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ได้ชื่อว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย มีคูน้ำรอบพระราชวัง โดยตัวพระราชวังที่เห็นในปัจจุบันเกิดจากการบูรณะขึ้นมาใหม่ จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองมัณฑะเลย์

การเดินทาง : ขึ้นรถแท็กซี่ภายในเมืองมัณฑะเลย์ ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 4,500 จ๊าด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถและระยะทาง)

เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่ 07.30 – 16.30 น.

ค่าเข้าชม : USD 10

พิกัด GPS : 21°59'34.2"N 96°05'46.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชวังมัณฑะเลย์ได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=334


14. ตลาดสก๊อต (Bogyoke Aung San Market)

           ตลาดสก๊อต หรือเรียกอีกอย่างว่า ตลาดโบ-ยก อองซาน เป็นตลาดสำคัญของเมืองย่างกุ้ง โดยของขึ้นชื่อที่ตลาดแห่งนี้คือ “หยกพม่า” ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังถือเป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ของฝากของที่ระลึก เสื้อผ้า ไปจนถึงอาหาร

การเดินทาง : ขึ้นรถแท็กซี่ภายในเมืองย่างกุ้ง ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 4,500 จ๊าด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถและระยะทาง)

เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่ 08.00 – 17.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์)

ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

พิกัด GPS : 16°46'47.0"N 96°09'20.0"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดสก๊อตได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=330


15. วัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Chaukhtatgyi Buddha Temple)

           วัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์เจาทัตยี หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ "พระนอนตาหวาน" ซึ่งเป็นพระนอนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศพม่า องค์พระมีความยาวกว่า 66 เมตร (217 ฟุต) และเป็นหนึ่งในพระนอนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า

การเดินทาง : ขึ้นรถแท็กซี่ภายในเมืองย่างกุ้ง ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 4,500 จ๊าด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพรถและระยะทาง)

เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่ 06.00 – 20.00 น.

ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

พิกัด GPS : 16°48'42.2"N 96°09'49.5"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยีได้ที่ http://www.palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=333
 

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : 

- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ
   
https://www.accuweather.com

- เว็บไซต์รวมข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศพม่า 
   http://myanmar.travel/

- สกุลเงินที่ใช้ : จ๊าด (MMK)

 


แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศพม่า 

- Google Map สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)

 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ

รูปปั้นโมอาย ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

รูปปั้นโมอาย (Moai) เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร

อ่านต่อ

ตลาดปลานิโจ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) เป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ในเมืองซัปโปโรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ตลาดแห่งนี้โด่งดังจากอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายชนิด ร้านอาหาร และบรรยากาศที่คึกคัก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวซัปโปโรจะต้องไม่พลาด

อ่านต่อ

ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ (Chitose Outlet Mall Rera) หนึ่งในเอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน New Chitose Airport เพียง 10 นาที

อ่านต่อ

คลองโอตารุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

คลองโอตารุ (Otaru Canal) เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของฮอกไกโดในอดีต ปัจจุบันยังคงมีอาคารเก่าแก่เรียงรายริมคลอง สะท้อนภาพวิถีชีวิตในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส

อ่านต่อ

เนินแห่งพระพุทธเจ้า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha) สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของซัปโปโร โดดเด่นด้วยเศียรของพระรูปที่โผล่พ้นเนินเขาขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับรูปปั้นหินโมอาย (Moai Statue) ฉายา “สโตนเฮนจ์แห่งฮอกไกโด”

อ่านต่อ

อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค (Amanohashidate Park) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ภายในอามาโนะฮาชิดาเตะเรียงรายไปด้วยทิวของต้นสน ทางเดินทอดยาว มีสะพานอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ตลอดจนศาลเจ้าให้แวะสักการบูชา

อ่านต่อ

วัดซันจูซันเก็นโด จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusanjen-do Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเท็นได ที่ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิยามะ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตัววัดมีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยองค์เจ้าแม่กวนอิมปางค์ประทานพร (Senju Kannon) จำนวน 1,001 องค์ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารไม้ยาว 120 เมตร ซึ่งถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ