- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- 14 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
14 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
- อ่าน (1,297)
- By Webmaster
- 16:53:06 | 31 พ.ค. 2567
14 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
Top 14 Travel Destinations in Tokyo, Japan
โตเกียว (Tokyo) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นและยังครองตำแหน่งเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองเก่าแก่ รุ่มรวยด้วยประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมแห่งนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ผู้มาเยือนได้ชม ตลอดจนเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และนี่คือ 14 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโตเกียวที่ Palanla ได้รวบรวมมาฝากกัน
แผนที่แสดงตำแหน่ง 14 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
1. ย่านกินซ่า (Ginza)
โตเกียวมีย่านต่างๆ ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก และแต่ละย่านนั้นก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากพูดถึงย่านกินซ่าแล้ว ภาพแรกที่ปรากฏขึ้นมาก็คือความหรูหรา หน้าตาของอาคารสไตล์ตะวันตกเหมือนกับประเทศแถบยุโรป และร้านระดับ Flagship ของแบรนด์ชั้นนำต่างๆทั่วโลกที่เรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน เมื่อเดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน Ginza นักท่องเที่ยวก็จะได้พบกับสัญลักษณ์อันโดดเด่นของย่านนี้อย่าง หอนาฬิกาของห้างสรรพสินค้า Wako และ ถนน Chuo-Dori ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งสายหลักของย่านกินซ่า และนอกจากร้านรวงต่างๆแล้ว ย่านกินซ่ายังมีแหล่งวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงอย่าง โรงละครคาบูกิ Kabukiza และที่สำคัญ หากนักท่องเที่ยวไปเยือน ย่านกินซ่าในวันเสาร์อาทิตย์ ถนนสาย Chuo-Dori ก็จะปิดการสัญจรรถยนต์เพื่อทำเป็น ถนนคนเดิน ตั้งแต่ 12.00 น. – 17.00 น. ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวย่านกินซ่าอย่างเพลิดเพลินมากขึ้นไปอีก
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Ginza Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Subway Hibiya Line, Subway Ginza Line และ Subway Marunouchi Line
พิกัด GPS : 35°40'20.6"N 139°45'46.8"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ย่านกินซ่า ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=34
2. ย่านชิบูย่า (Shibuya Crossing)
ชิบูย่าถือเป็นย่านอันดับต้นๆ ในโตเกียวซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และยังเป็นทำเลที่พักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เสน่ห์ของย่านชิบูย่านั้นผสมผสานทั้งความเป็นย่านธุรกิจ ศูนย์รวมแฟชั่น และเนื่องจากสถานีชิบูย่าถือเป็นสถานีรถไฟที่มีจำนวนผู้โดยสารมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ส่งผลให้ 5 แยกชิบูย่ากลายเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญในการสัญจรของชาวญี่ปุ่น จำนวนผู้คนที่เดินข้ามแยกแห่งนี้มีนับพันคนในเวลาเดียวกัน จนได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสและเริ่มต้นทำความรู้จักกับจังหวะชีวิตของชาวโตเกียวได้ดีที่สุด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนแยกชิบูย่า ไม่ควรพลาดการแวะไปหา รูปปั้น”ฮาจิโกะ” อนุสาวรีย์ของสุนัขแสนซื่อสัตย์ซึ่งมีเรื่องราวความเป็นมาที่แสนประทับใจ และเมื่อนักท่องเที่ยวได้ลองเดินข้าม แยกชิบูย่า อันมีชื่อเสียงพร้อมกับคลื่นของผู้คนจำนวนมากแล้ว สามารถแวะขึ้นไปนั่งชมบรรยากาศของแยกชิบูย่าในมุมสูงได้ที่ ชั้น 2 ของร้านกาแฟ Starbucks ที่ตึก TSUTAYA ปิดท้ายด้วยการแวะไปเยือน Shibuya 109 ห้างสรรพสินค้าที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญซึ่งทำให้ชิบูย่ากลายเป็นที่รู้จักในฐานะย่านแฟชั่นมาจนถึงทุกวันนี้
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Shibuya Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Yamanote Line, Subway Ginza Line, Subway Hanzomon Line และ Subway Fukutoshin Line
พิกัด GPS : 35°39'34.1"N 139°42'01.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แยกชิบูย่า ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=26
3. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)
หลังจากได้สัมผัสความวุ่นวายและจังหวะชีวิตของชาวโตเกียวที่ชิบูย่าไปแล้ว นักท่องเที่ยวหลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า เพียงแค่นั่งรถไฟถัดมา 1 สถานี ก็จะได้พบกับศาลเจ้าสำคัญของกรุงโตเกียว ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยจำนวนต้นไม้นับแสนต้น ให้บรรยากาศร่มรื่นและแสนสงบราวกับอยู่กลางป่าเขา ศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ “ศาลเจ้าเมจิ” (Meiji Shrine) ศาลเจ้าที่ชาวโตเกียวร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก เมื่อนักท่องเที่ยวเดินออกมาจากสถานีรถไฟ Harajuku เพียง 100 เมตร ก็จะพบกับ เสาโทริอิไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางเข้าศาลเจ้า เมื่อเดินผ่านเสาโทริอิไปแล้ว ก็จะได้พบกับบรรยากาศแสนสงบและร่มรื่น ตัดขาดจากความวุ่นวายของโลกภายนอกตลอดสองข้างทาง ระหว่างทางเดินนั้นยังมี ถังสาเกขนาดใหญ่ ซึ่งชาวญี่ปุ่นนำมาถวายให้กับเทพเจ้าตามโอกาสพิเศษต่างๆ และเมื่อเดินไปถึงบริเวณอาคารศาลเจ้า หากเป็นช่วงวันเสาร์อาทิตย์ก็อาจจะได้พบการจัดงานแต่งงานแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกันยังมี สวน Meiji Shrine Inner Garden ซึ่งมีไฮไลต์คือดอกไอริส ดอกไม้โปรดของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ซึ่งจะผลิบานในช่วงเดือนมิถุนายน
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Harajuku Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Yamanote Line
เวลาเปิด-ปิด : ตามเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก
ค่าเข้าชม : มีค่าเข้าชมเฉพาะบริเวณ สวน Meiji Shrine Inner Garden 500 เยน
พิกัด GPS : 35°40'35.1"N 139°41'57.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลเจ้าเมจิ ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=37
4. ย่านฮาราจูกุ (Harajuku)
แค่เพียงเดินออกจากศาลเจ้าเมจิอันแสนสงบ และข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้าม บริเวณนั้นก็คือย่านฮาราจูกุ (Harajuku) แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมการแต่งตัวที่ทั้งแหวกแนวและเป็นเอกลักษณ์จนสร้างกระแสความนิยมไปทั่วโลก และภายในถนนเส้นเล็กๆที่มีชื่อว่าทาเคชิตะ (Takeshita) นั้นก็อัดแน่นไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์การแต่งตัวต่างๆตั้งแต่หัวจรดเท้าในสไตล์ที่เก๋ไก๋และไม่ซ้ำใคร หากนักท่องเที่ยวต้องการไปสัมผัสบรรยากาศอันคึกคักและแฟชั่นแปลกตาของเหล่าวัยรุ่นญี่ปุ่น ย่านฮาราจูกุจะมีการปิดถนนเพื่อให้วัยรุ่นญี่ปุ่นแต่งตัวมาอวดโฉม รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ ทุกวันอาทิตย์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ได้ตั้งแต่บริเวณสะพานหน้าทางเข้าศาลเจ้าเมจิ เรื่อยมาจนถึงบริเวณถนน Takeshita
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Harajuku Station, Meiji-jingumae Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Yamanote Line, Subway Chiyoda Line, Subway Fukutoshin Line
พิกัด GPS : 35°40'09.6"N 139°42'09.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ย่านฮาราจูกุ ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=39
5. ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)
มาเยือนญี่ปุ่นทั้งที นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คงไม่พลาดชิมอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อยและสดใหม่จากร้านอาหารต่างๆภายในเมือง แต่คงจะยิ่งพิเศษไปกว่านั้นถ้าได้มาลองลิ้มรสจากสถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “แหล่งวัตถุดิบชั้นดี”ของร้านอาหารทุกระดับในโตเกียว นั่นก็คือตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ตลาดปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรับวัตถุดิบตรงจากชาวประมง และเปิดขายอาหารทะเลทุกรูปแบบกันตั้งแต่เช้าตรู่ พื้นที่ในการเยี่ยมชมสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณ ตลาดชั้นนอก ซึ่งประกอบไปด้วยร้านอาหารและร้านขายอาหารทะเลแปรรูปเป็นหลัก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับการตระเวนชิมเมนูต่างๆที่สดจากท้องทะเล รวมถึงซื้อบรรดาอาหารแปรรูปเป็นของฝากได้อีกด้วย หากอยากสัมผัสบรรยากาศของตลาดปลาจริงๆ ก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมบริเวณ ตลาดชั้นใน ซึ่งมีวัตถุดิบสดใหม่มากมายให้เลือกซื้อเลือกชม และถ้าต้องการสัมผัสประสบการณ์ การประมูลปลาทูน่า ราคาแพงด้วยตัวเอง ก็ต้องมาลงชื่อจองที่ตลาดตั้งแต่ประมาณตี 5 กันเลย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Tsukiji Station, Tsukijishijo Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Subway Oedo Line, Subway Hibiya Line
เวลาเปิด-ปิด : ตลาดชั้นนอก เปิดตั้งแต่ 05.00 -14.00 น.
ตลาดชั้นใน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมหลังเวลา 10.00 น.
ปิดทำการทุกวันอาทิตย์ วันหยุดเทศกาล และวันพุธในบางสัปดาห์
พิกัด GPS : 35°39'55.8"N 139°46'14.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดปลาซึกิจิ ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=35
6. วัดสึกิจิฮงวานจิ (Tsukiji Hongwan-ji Temple)
วัดสึกิจิฮงวานจิ (Tsukiji Hongwan-ji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายนิกายสุขาวดี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าสึกิจิ วัดเก่าแก่แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นสมัยเอโดะตอนต้น ช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ในชื่อเอโดะ-อาซากุสะ ซึ่งในขณะนั้นวัดตั้งอยู่บริเวณย่านอาซากุสะ และผ่านการบูรณะมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1657 ทำให้มีการสร้างอาคารของวัดขึ้นใหม่ในบริเวณปัจจุบัน และได้มีการสร้างอาคารขึ้นใหม่หลายครั้งจนถึงสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1991) ห้องโถงหลักที่ทำจากไม้ถูกทำลายในเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1923 ซึ่งหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจึงได้มีการสร้างวัดสึกิจิฮงวานจิขึ้นอีกครั้ง โดยสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1934 สถาปนิกผู้ออกแบบใช้พื้นฐานสถาปัตยกรรมของพระพุทธศาสนาแบบอินเดียโบราณ อาคารขนาดใหญ่โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้นหลังนี้มีการก่อสร้างที่ประณีตและละเอียดอ่อนทั้งภายในและภายนอก ผนวกกับการออกแบบที่โดดเด่นของตัวอาคาร ได้รับการยอมรับว่าเป็น “อัญมณีแห่งยุคฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหวของโตเกียว” และในปี ค.ศ. 2014 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกให้โถงสักการะหลักของวัดสึกิจิฮงวานจิเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติอีกด้วย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Tsukiji Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Tokyo Metro Hibiya Line
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.00 – 16.00 น.
พิกัด GPS : 35°39'59.3"N 139°46'20.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสึกิจิฮงวานจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2781
7. พระราชวังหลวงโตเกียว (Tokyo Imperial Palace)
จากวัดสึกิจิฮงวานจิ เราจะไปต่อกันที่พระราชวังโตเกียวหลวง ซึ่งมีสถานี Nijubashimae อยู่ใกล้ประตูทางเข้าพระราชวังหลวงโตเกียวมากที่สุด พระราชวังแห่งนี้ในอดีตคือที่ตั้งของปราสาทเอโดะ ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของโชกุนในอดีต เมื่อเวลาผ่านไป จึงมีการปรับเปลี่ยน บูรณะ และก่อสร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับหลักของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่ต้องการเยี่ยมชมพื้นที่ชั้นในสุดของพระราชวัง สามารถลงชื่อจองบนเว็บไซต์เพื่อเข้าร่วม ทัวร์นำชมพระราชวัง ซึ่งจัดขึ้นวันละ 2 ครั้ง นอกจากนั้นยังมี สวนสาธารณะฝั่งตะวันออก (Tokyo imperial palace east garden) ซึ่งเป็นสวนที่มีพื้นที่กว้างขวางและจัดภูมิทัศน์อย่างงดงาม ภายในสวนแห่งนี้ยังมี Tenshu-Dai หรือส่วนฐานหินของหอคอยชั้นในสุดของปราสาทเอโดะในอดีต ซึ่งหอคอยแห่งนี้เคยเป็นหอคอยปราสาทที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Nijubashimae Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Subway Chiyoda Line
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 16.00 (เวลาโดยประมาณ มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยแต่ละฤดูกาล)
ปิดทำการทุกวันจันทร์และวันศุกร์, วันปีใหม่ และวันที่มีการจัดพระราชพิธี
พิกัด GPS : 35°41'06.6"N 139°45'10.1"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระราชวังหลวงโตเกียว ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=33
8. ย่านชินจุกุ (Shinjuku)
สัมผัสเสน่ห์แห่ง พระราชวังหลวงโตเกียวกันไปแล้ว อยากชวนเปลี่ยนบรรยากาศมาที่ย่านชินจุกุกันบ้าง ย่านชุมชนชั้นแนวหน้าของโตเกียวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย โดยเป็นเขตศูนย์กลางทั้งในด้านการปกครอง ด้านการท่องเที่ยว และด้านวัฒนธรรมของกรุงโตเกียวแห่งนี้ ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันตกและเป็นหนึ่งใน 23 เขตพิเศษของกรุงโตเกียว ย่านชินจูกุเรียกว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวง เป็นศูนย์รวมแฟชั่นของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า โดยมีสถานีรถไฟชินจูกุเป็นเหมือนศูนย์กลางของของย่านนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น สำหรับทางด้านตะวันตกของย่านชินจูกุจะเต็มไปด้วยตึกระฟ้าหลายอาคาร มีทั้งโรงแรมชั้นนำ ตึกแฝดที่เป็นสำนักงานรัฐบาลซึ่งด้านบนของตึกนี้เปิดให้ประชาชมเข้าชมวิวฟรีได้ด้วย ส่วนทางด้านตะวันออกนั้นคือ คาบูกิโชะ เป็นย่านที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง Big Camera และย่านบันเทิงยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Shinjuku-sanchome Station, Shinjuku Station, Seibu-Shinjuku Station, Nishi-shinjuku Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Subway Shinjuku Line, JR Yamanote Line, JR Chuo Line, Sobu Line, JR Shonan Shinjuku Line, JR Narita Express
พิกัด GPS : 35°42'03.7"N 139°42'32.6"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ย่านชินจุกุ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/673
9. โตเกียวโดม (Tokyo Dome)
และก็มาถึงอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองหลวงแห่งแดนอาทิตย์อุทัย นั่นก็คือ โตเกียวโดม คอมเพล็กซิตี้ที่มีชื่อเสียงซึ่งรวมทุกอย่างตั้งแต่สเตเดี้ยม ศูนย์การค้า โรงแรม พิพิธภัณฑ์ ตลอดจนสวนสนุกเอาไว้อย่างครบครัน และยังเป็นสถานที่จัดแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ รวมถึงคอนเสิร์ตระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง โตเกียวโดมตั้งอยู่ใกล้กับสถานี “โคราคุเอน” และสถานี “ซุยโดบาชิ” เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ.1988 มีความจุเต็มที่ 55,000 ที่นั่ง นอกจากจะเป็นสนามกีฬาในร่มและเป็นสถานที่จัดงานบันเทิงที่มีพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว โตเกียวโดมยังเป็นสนามเหย้าของทีมเบสบอลโยมิอุริไจแอนท์สที่มีแฟนคลับจำนวนมากที่สุดในโตเกียวอีกด้วย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Korakuen Station, Suidōbashi Station, Iidabashi Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Tokyo Metro Marunouchi Line, Namboku Line, JR Sobu Line
เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 21.00 น.
พิกัด GPS : 35°42'20.7"N 139°45'05.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โตเกียวโดม ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2376
10. ย่านอูเอโนะ (Ueno)
มาต่อกันที่ย่านอูเอโนะ ซึ่งนอกจากจะเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะในมหานครโตเกียวของญี่ปุ่นมายาวนานแล้ว ปัจจุบันอูเอโนะยังเป็นย่านที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานเสน่ห์ดั้งเดิมและความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม มีทั้งตลาด ร้านอาหารอร่อยๆ คาเฟ่ และสถานบันเทิงยามค่ำคืนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านร้านค้ายอดนิยม "อาเมะโยโกะ" (Ameyoko) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งสุดคึกคักที่เต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอย ขายสินค้าหลากหลายประเภท ไม่เพียงเท่านั้น ย่านอูเอโนะยังรายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะอูเอโนะ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติและเทคโนโลยีโตเกียว รวมถึงสวนสัตว์เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Ueno Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : JR Yamanote Line, Subway Ginza Line และ Subway Hibiya Line
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
พิกัด GPS : 35°42'31.5"N 139°46'26.4"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ย่านอูเอโนะ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2822
11. วัดเซนโซจิ (Sensoji (Asakusa Kannon Temple))
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งถัดไปที่เราจะพาไปชมกันก็คือวัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดงที่นิยมเรียกกัน ตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวชื่อดังอย่างย่านอาซากุสะ ใกล้ๆ กับสถานี Asakusa วัดเซนโซจิเป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในกรุงโตเกียว โดยภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์คันนน หรือเจ้าแม่กวนอิม และเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากุสะอันขึ้นชื่อ รวมไปถึงศาลเจ้าชินโต และเจดีย์ห้าชั้นอีกด้วย แม้จะยังไม่ได้เข้าไปในบริเวณวัด แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถมองเห็น ประตูสายฟ้า ประตูวัดเซนโซจิซึ่งมีโคมสีแดงขนาดใหญ่และเขียนด้วยตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น 雷 แปลว่า “สายฟ้า” บริเวณนี้เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คของย่านอาซากุสะ และยังเป็นสถานที่ถ่ายรูปยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยว และเมื่อเดินผ่านประตูสายฟ้าเข้าไป ก็จะพบกับ ถนนนากามิเสะ ถนนสายเล็กๆที่เป็นทางเดินเข้าไปยังตัววัด ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร ขนม และร้านขายของฝากจำนวนมาก บริเวณสุดถนนสายนี้จะเป็นที่ตั้งของ ประตูโฮโซมง ประตูหลักบานสุดท้ายก่อนที่จะเข้าไปยังอาคารหลักของวัด
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Asakusa Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Subway Ginza Line และ Subway Asakusa Line
เวลาเปิด-ปิด : พื้นที่โดยรอบวัดเปิดทำการ 24 ชั่วโมง อาคารหลักเปิดตั้งแต่ 06.00 – 17.00 น.
พิกัด GPS : 35°42'53.2"N 139°47'47.9"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดเซนโซจิ ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=24
12. โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)
ห่างจากสถานี Asakusa เพียงสถานีเดียวก็มาถึงแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงโตเกียวที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ.2012 โตเกียวสกายทรีสร้างขึ้นด้วยความสูงถึง 634 เมตร ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นจนครองตำแหน่งหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วย โตเกียวสกายทรีช่วยเพิ่มคุณภาพการกระจายสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เขตรอบๆ โตเกียว และยังเป็นจุดชมวิวชั้นดีแก่บรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย โดยนอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว บริเวณชั้นล่างของโตเกียวสกายทรี ยังมี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสุมิดะ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามของโลกใต้ท้องทะเล ส่วนบริเวณจุดชมวิวนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้นหลัก ชั้นที่ 350 นั้นมีทั้งพื้นที่ชมวิว ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ส่วน ชั้นที่ 450 มีลักษณะเป็นบันไดวนขึ้นไปจนถึงความสูงที่ 451.2 เมตร ตลอดทั้งชั้นเป็นกระจกใสซึ่งสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบด้าน และยังมี Skywalk อีกด้วย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Tokyo Skytree Station, Oshiage Skytree Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Subway Asakusa Line, Subway Hanzomon Line และ Tobu Skytree Line
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : Same Day Ticket ราคา 2,100 เยน สำหรับชั้นที่ 350
และราคา 3,100 เยน สำหรับชั้นที่ 450 และ 350
พิกัด GPS : 35°42'36.8"N 139°48'36.5"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โตเกียวสกายทรี ได้ที่ : http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=25
13. โตเกียว ทาวเวอร์ (Tokyo Tower)
จากโตเกียวสกายทรี มาต่อกันที่ โตเกียว ทาวเวอร์ หอส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุขนาดใหญ่ความสูง 332.6 เมตร ที่อยู่คู่กับเมืองโตเกียวมาร่วม 70 ปี ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.1958 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง การก้าวข้ามความโหดร้ายและยากลำบากของประชาชน โตเกียวทาวเวอร์แบ่งเป็นชั้น Main Observatory ความสูง 150 เมตร และชั้น Special Observatory ความสูง 250 เมตร สำหรับชมวิวด้านบนแบบ 360 องศา โตเกียวทาวเวอร์ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงโตเกียว โดยในแต่ละปีจะมีคนเข้าชมหอส่งสัญญาณแห่งนี้มากกว่า 2 ล้าน 5 แสนคน ภายในอาคารประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านค้ามากมายภัตตาคาร และจุดชมทัศนียภาพของหอคอย
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Akabanebashi Station, Onarimon Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Toei Oedo Line, Toei Mita Line
เวลาเปิด – ปิด : เปิดทำการทุกวัน โดยส่วนของ Main Observatory เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 22.00 น. สำหรับส่วนของ Special Observatory เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.30 น.
พิกัด GPS : 35°39'31.0"N 139°44'43.0"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โตเกียวทาวเวอร์ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/674
14. วัดโจเรนจิ (Joren-Ji Temple)
ปิดท้ายด้วย วัดโจเรนจิ หรือที่รู้จักกันในชื่อโตเกียวไดบุทสึ วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 1,400 ปี ในเขตอิทาบาชิ ห่างจากใจกลางเมืองของโตเกียวออกไปประมาณ 21 กิโลเมตร สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1598 โดย ท่านโคะโนเอะ มิตสึนากะ ขุนนางผู้ทรงอิทธิพลในสมัยเอโดะ เพื่ออุทิศให้กับบิดาของเขา เดิมทีวัดโจเรนจิตั้งอยู่ที่ Itabashi-shuku ซึ่งเป็นสถานีไปรษณีย์บนถนนโบราณที่เรียกว่า Nakasendo ซึ่งเชื่อมระหว่างโตเกียวกับเกียวโต ภายหลังมีการก่อสร้างทางหลวงจึงต้องย้ายวัดมายังตำแหน่งปัจจุบัน วัดโจเรนจิมีเอกลักษณ์โดดเด่นคือ พระพุทธรูปไดบุทสึองค์สีดำพระพักตร์อวบอิ่มดูมีเมตา ประดิษฐานอยู่บนดอกบัว กับความสูง 13 เมตร หนักราว 32 ตัน ถือเป็นพระพุทธรูปไดบุทสึที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นด้วยความหวังที่จะสร้างสันติภาพและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติในภูมิภาค ผู้คนนิยมมาสักการะพระพุทธรูปไดบุทสึ ชมความงดงามของประตูซังเกดัตสึมง และพักผ่อนหย่อนใจในสวนญี่ปุ่น
ข้อมูลการเดินทาง :
- สถานีรถไฟ : Nishi-Takashimadaira Station
- สายรถไฟที่ผ่าน : Toei Mita Line
เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9.00 - 15.45 น.
พิกัด GPS : 35°46'54.4"N 139°38'38.7"E
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดโจเรนจิ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2780
การเดินทางในโตเกียว นั้นสะดวกสบายมาก เพราะมีทั้งรถไฟ รถบัส โมโนเรล ที่มีเส้นทางมากมายซอกซอนไปทั่วมุมเมือง เวลาจะเดินทางหากนักท่องเที่ยวซื้อ บัตรโดยสารแบบเติมเงิน หรือ IC card (บัตร SUICA, PASMO) จะทำให้สะดวกและประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องเข้าคิวซื้อตั๋วใหม่ทุกครั้ง โดยบัตร Suica เป็นบัตรโดยสารแบบเติมเงินครอบจักรวาลที่ใช้ได้กับระบบขนส่งทั่วประเทศและยังสามารถใช้ซื้อสินค้าตามร้านที่มีสัญลักษณ์ที่กำหนดได้ด้วย ส่วนบัตร Pasmo เป็นบัตรเติมเงินที่ใช้ได้เฉพาะกับระบบรถไฟ รถไฟใต้ดิน และรถบัส (ที่ไม่ใช่ JR) ในโตเกียว โดยสามารถใช้ซื้อสินค้าตามร้านที่มีสัญลักษณ์ที่กำหนดได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากบัตรโดยสารแบบเติมเงินแล้ว ก็มี ตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่าย หรือ Pass ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทางที่จะไป โดย Pass เหมาจ่ายแบบนี้มีให้บริการทั้ง Subway และรถไฟ JR ด้วย
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ :
- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ
https://www.accuweather.com/
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวโตเกียว
https://www.gotokyo.org/en/
- การเดินทางขนส่งมวลชนญี่ปุ่น
http://www.hyperdia.com/
- สกุลเงินที่ใช้ : เยน (JPY)
แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศญี่ปุ่น
- Uber สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
- JapanTaxi สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศญี่ปุ่น
- Google Map สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
หน้าผาโทจินโบ จังหวัดฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่น
หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo) ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุอิ (Fukui) ทางภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ด้วยความงามของหน้าผาที่สูงชันและวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่ง และไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความงามจากธรรมชาติ แต่ยังแฝงไปด้วยตำนานและความเชื่อที่ลึกซึ้งด้วย
อ่านต่อเมจิจิงกูไกเอ็น กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji Jingu Gaien) หรือ สวนด้านนอกศาลเจ้าเมจิ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในย่านชินจูกุและอาโอยามะของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สวนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของถนนต้นแปะก๊วยสีเหลืองทองที่สวยงาม ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
อ่านต่อปราสาทฮิโกเนะ จังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น
ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมไม่กี่แห่งของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดชิงะ
อ่านต่อถนนทิวสนเมตาซีคัวญา จังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น
ถนนทิวสนเมตาซีคัวญา (Metasequoia Namiki Avenue) ในจังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น คือถนนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 ถนนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นจุดชมธรรมชาติที่ผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ทิวสนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามตลอดสองข้างถนน
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจาง – ดาลัด ประเทศเวียดนาม
หากอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองชายทะเลสุดคึกคักอากาศอบอุ่น แล้วไปผ่อนคลายในเมืองแห่งภูเขาอากาศเย็นสบายที่เวียดนามใต้ ญาจางและดาลัดคือคำตอบ! สองเมืองนี้จะพาคุณดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมที่หลากหลาย Palanla ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองญาจางและดาลัดมาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่ออาสนวิหารญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
อาสนวิหารญาจาง (Christ the King Cathedral Nha Trang) หรือ โบสถ์หินญาจาง สุดยอดสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม อายุเกือบร้อยปีแห่งนี้ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเมือง ด้วยผนังหินสีน้ำตาลเข้มที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง และหลังคาสูงชะลูดที่ดูอลังการ ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
อ่านต่อหาดญาจาง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หาดญาจาง (Nha Trang Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศเวียดนาม ด้วยชายรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ความยาวกว่า 6 กิโลเมตรที่โอบล้อมอ่าวญาจาง ในจังหวัดหวัดคั้ญฮวา ท่ามกลางภูมิทัศน์โดยรอบที่สวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมสำคัญๆ มากมาย
อ่านต่อหอคอยแตร่มเฮือง เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
หอคอยแตร่มเฮือง (Tram Huong Tower) สัญลักษณ์และจุดเช็กอินยอดนิยมของหาดญาจางในปัจจุบัน
อ่านต่อวินเพิร์ลแลนด์ เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วินเพิร์ลแลนด์ (Vinpearl Land) เป็นสวนสนุกและรีสอร์ตหรูครบวงจรระดับโลกที่เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่สวยงามติดทะเล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญของการไปเที่ยวที่นี่คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก
อ่านต่อวัดลองเซิน เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม
วัดลองเซิน (Long Son Pagoda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระใหญ่” เป็นวัดพุทธมหายานเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดของเมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม นอกจากความสวยงามอลังการของตัววัดแล้ว จากยอดเขายังสามารถมองเห็นวิวของเมืองญาจางและทะเลได้อย่างสวยงาม
อ่านต่อ