ย่านฮาราจูกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

  • อ่าน (8,453)
  • By Webmaster
  • 03:53:21 | 2 ก.พ. 2566

ย่านฮาราจูกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

Harajuku, Tokyo, Japan


ถนน Takeshita เป็นถนนสายเล็กๆที่เป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมการแต่งตัวแบบฮาราจูกุอันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

               ย่านฮาราจูกุ เป็นย่านที่ขึ้นชื่อในด้านแฟชั่น และ เป็นจุดกำเนิดของการสร้างสรรค์แฟชั่นชนิดต่างๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

           นอกจากแฟชั่นอันแปลกตาของย่านฮาราจูกุ บรรยากาศโดยรอบของย่านนี้ก็ยังมีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ ทั้งจากบรรยากาศอันสงบร่มรื่นของศาลเจ้าเมจิที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และบรรยากาศย้อนยุคของอาคารสถานีรถไฟฮาราจูกุ ด้วยการผสมผสานสิ่งต่างๆที่มีเอกลักษณ์เหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ย่านฮาราจูกุถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว

 


ย่านฮาราจูกุตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ Harajuku นักท่องเที่ยวจึงมาเยือนได้อย่างสะดวกสบาย
 

ประวัติความเป็นมา


ป้ายชื่อร้านหลากสีสันเพื่อสร้างความสดใสและโดดเด่นในแบบฮาราจูกุ

           ย่านฮาราจูกุมีการก่อตั้งเป็นหมู่บ้านเล็กๆมาตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ มาจนถึงปี ค.ศ. 1906 ซึ่งมีการสร้างสถานีรถไฟฮาราจูกุขึ้นเพื่อเป็นส่วนต่อขยายของรถไฟสาย Yamanote ตามมาด้วยการสร้างศาลเจ้าเมจิในปี 1919 พื้นที่บริเวณนี้จึงมีการพัฒนาเรื่อยมา และกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่หลักในการสัญจรของคนญี่ปุ่น


ย่านฮาราจูกุไม่ได้จำหน่ายแค่เพียงเสื้อผ้า แต่ยังรวมถึงเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับต่างๆตั้งแต่หัวจรดเท้า

           ชื่อเสียงในด้านแฟชั่นของย่านฮาราจูกุเริ่มขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1970 เมื่อมีร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆเริ่มทยอยมาเปิดบริเวณถนน Takeshita ตามมาด้วยการเป็นศูนย์รวมของวงดนตรีต่างๆที่แวะเวียนกันมาจัดแสดงในพื้นที่แห่งนี้ เมื่อได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ย่านฮาราจูกุจึงมีการปิดถนนทุกวันอาทิตย์เพื่อให้บรรดาวัยรุ่นได้มาทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการแต่งคอสเพลย์ การแสดงดนตรี รวมถึงการแต่งตัวตามแฟชั่นสไตล์ต่างๆที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
 

การเดินทางไปยังย่านฮาราจูกุ

               รถไฟ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังฮาราจูกุได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการนั่งรถไฟสาย Yamatone (สีเขียว) ไปลงที่สถานี Harajuku มีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 140 เยน ซึ่งถนน Takeshita อันขึ้นชื่อตั้งอยู่ห่างออกไปเพียงคนละฝั่งถนน นอกจากนี้ยังมีสถานีรถไฟใต้ดิน Meiji-jingumae ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda (สีเขียว) และ Fukutoshin (สีน้ำตาล) มาได้ โดยค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 170 เยน นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางโดยรถไฟอย่างละเอียดได้ที่ http://www.hyperdia.com/en/

               - รถแท็กซี่ รถแท็กซี่ในกรุงโตเกียวนั้นมีค่ามิเตอร์เริ่มต้นที่ 410-800 เยน ต่อระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก ค่าโดยสารทั้งหมดขึ้นอยู่กับระยะทางจากจุดขึ้นรถของนักท่องเที่ยว โดยสามารถคำนวณค่าโดยสารเบื้องต้นได้ที่ https://www.numbeo.com/taxi-fare/in/Tokyo
 

เวลาในการเปิด-ปิดทำการ

           บริเวณพื้นที่สาธารณะ เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับเวลาเปิดปิดร้านต่างๆในย่านฮาราจูกุ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.takeshita-street.com/shop.html


ผู้คนจำนวนมากยังคงเดินทางมาที่ย่านฮาราจูกุแม้จะเป็นเวลากลางคืน
 

ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้


ร้านขายเสื้อผ้าหลายร้านในย่านนี้เป็นแบบรับมาขายต่อ นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบราคาสินค้าเปรียบเทียบกันกับหลายๆร้าน

           หากนักท่องเที่ยวต้องการไปสัมผัสบรรยากาศอันคึกคักและแฟชั่นแปลกตาของเหล่าวัยรุ่นญี่ปุ่น ย่านฮาราจูกุจะมีการปิดถนนเพื่อให้วัยรุ่นญี่ปุ่นมาจัดกิจกรรมต่างๆ ทุกวันอาทิตย์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ได้ตั้งแต่บริเวณสะพานหน้าทางเข้าศาลเจ้าเมจิ เรื่อยมาจนถึงบริเวณถนน Takeshita

           ร้านขายเสื้อผ้าหลายร้านในย่านฮาราจูกุมีลักษณะเป็นการรับเสื้อผ้าจากที่อื่นมาขายต่อ อาจพบสินค้ารูปแบบเดียวกันวางขายอยู่ในหลายๆร้าน และมีการตั้งราคาที่ไม่เท่ากัน นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบราคาจากหลายๆร้านให้แน่ใจก่อนซื้อสินค้านั้นๆ

           แม้เหล่าวัยรุ่นที่แต่งตัวสวยๆมาอวดโฉมกันในย่านนี้ส่วนใหญ่จะยินดีให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป แต่นักท่องเที่ยวก็ควรขออนุญาตทุกครั้งก่อนถ่ายภาพ รักษามารยาทโดยรวม เอ่ยขอบคุณทุกครั้งเมื่อถ่ายภาพเสร็จ และระมัดระวังไม่ให้ขัดขวางเส้นทางสัญจรของคนอื่นๆที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น


พื้นที่ขนาดเล็กของย่านฮาราจูกุ อาจไม่เหมาะกับการลากกระเป๋าเดินทางหรือหิ้วข้าวของจำนวนมากไปพร้อมๆกัน

           หากเทียบกับย่านอื่นๆในกรุงโตเกียวอย่างชิบูย่า หรือชินจูกุ ย่านฮาราจูกุนั้นมีขนาดเล็กและพื้นที่แคบกว่ามาก อีกทั้งยังมีผู้คนจำนวนมากตลอดทั้งวัน จึงอาจไม่เหมาะกับการช้อปปิ้งสินค้าจำนวนมาก และถือข้าวของพะรุงพะรังไปตามท้องถนน หากเป็นสินค้าที่มีขายโดยทั่วไป นักท่องเที่ยวอาจเดินดูสินค้าในย่านนี้ในเบื้องต้น และไปหาซื้อจากสาขาอื่นที่สะดวกสบายกว่าในภายหลัง

           นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวได้ที่ https://www.accuweather.com/
 

           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว ย่านฮาราจูกุ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         ย่านฮาราจูกุ

                         (Harajuku)

                         อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

                         เวลาเปิด-ปิด : บริเวณพื้นที่สาธารณะ เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง

                         ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                         สถานที่ตั้ง : เขตชิบูย่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

                         ระดับความนิยม

                         ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/

                                     เว็บไซต์การท่องเที่ยวโตเกียว https://www.gotokyo.org/en/

                                     เว็บไซต์ศูนย์รวมจุดบริการนักท่องเที่ยวในโตเกียว http://www.tourist-information-center.jp/tokyo/en/

                                     เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ

รูปปั้นโมอาย ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

รูปปั้นโมอาย (Moai) เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร

อ่านต่อ

ตลาดปลานิโจ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) เป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ในเมืองซัปโปโรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ตลาดแห่งนี้โด่งดังจากอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายชนิด ร้านอาหาร และบรรยากาศที่คึกคัก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวซัปโปโรจะต้องไม่พลาด

อ่านต่อ

ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ (Chitose Outlet Mall Rera) หนึ่งในเอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน New Chitose Airport เพียง 10 นาที

อ่านต่อ

คลองโอตารุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

คลองโอตารุ (Otaru Canal) เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของฮอกไกโดในอดีต ปัจจุบันยังคงมีอาคารเก่าแก่เรียงรายริมคลอง สะท้อนภาพวิถีชีวิตในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส

อ่านต่อ

เนินแห่งพระพุทธเจ้า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha) สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของซัปโปโร โดดเด่นด้วยเศียรของพระรูปที่โผล่พ้นเนินเขาขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับรูปปั้นหินโมอาย (Moai Statue) ฉายา “สโตนเฮนจ์แห่งฮอกไกโด”

อ่านต่อ

อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค (Amanohashidate Park) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ภายในอามาโนะฮาชิดาเตะเรียงรายไปด้วยทิวของต้นสน ทางเดินทอดยาว มีสะพานอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ตลอดจนศาลเจ้าให้แวะสักการบูชา

อ่านต่อ

วัดซันจูซันเก็นโด จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusanjen-do Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเท็นได ที่ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิยามะ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตัววัดมีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยองค์เจ้าแม่กวนอิมปางค์ประทานพร (Senju Kannon) จำนวน 1,001 องค์ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารไม้ยาว 120 เมตร ซึ่งถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ