- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- เมืองบาดาล (วัดใต้น้ำ) จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
เมืองบาดาล (วัดใต้น้ำ) จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
- อ่าน (13,252)
- ByWebmaster
- 17:28:23 | 9 พ.ย. 2560
เมืองบาดาล (วัดใต้น้ำ) จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
Muang Badan (The Underwater Temple), Kanchanaburi Province, Thailand
วัดวังก์วิเวการาม (เก่า)
เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ) หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี แต่เดิมสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 ซึ่ง ณ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกสถานที่หนึ่งในประเทศไทย ที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ของความอัศจรรย์ จนถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ของประเทศไทย
อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ประวัติความเป็นมาของเมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ) ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังความเลื่อมใสศรัทธาของชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญ ที่มีต่อหลวงพ่ออุตตมะ โดยที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ คือ บริเวณเนินที่มีแม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำบิคลี่ ซองกาเลีย และรันตี มารวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้น้ำเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่า รวมทั้งวัดวังก์วิเวการามด้วย "หลวงพ่ออุตตมะ" จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลากว่า 20 ปี (สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์: http://www.kanchanaburi.go.th/)
การเดินทางไป จ.กาญจนบุรี
กรุงเทพมหานคร-->กาญจนบุรี
การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไป จ.กาญจนบุรี
การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไปยัง จ.กาญจนบุรี โดย มีระยะทาง 123 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเดินทางได้หลายวิธี ดังนี้
- รถไฟ การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไปยัง จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3.5 ชั่วโมง ต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาลศิริราช แถวตลาดศาลาน้ำร้อน (เส้นทางที่รถไฟสายนี้วิ่งผ่านคือ ธนบุรี - ศาลายา - นครปฐม - หนองปลาดุก - ท่าเรือ - กาญจนบุรี - สะพานแควใหญ่ - วังเย็น - บ้านเก่า - ท่ากิเลน - ถ้ำกระแซ - วังโพธิ์ - เกาะมหามงคล - น้ำตก) โดยมีเวลาให้บริการ 2 ขบวน คือ เวลา 07.45 น.และ เวลา 13.55 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1960, หรือเว็บไซต์ https://www.thairailwayticket.com/)
- รถโดยสารประจำทาง การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร (สถานีขนส่งหมอชิต2) ไปยัง จ.กาญจนบุรี รถโดยสารจะออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง ค่าโดยสารราคา 120 บาท โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1490, 0-2936-2852 หรือเว็บไซต์ http://www.busticket.in.th สถานีเดินรถกาญจนบุรี โทร. 034-511387)
การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร (สถานีขนส่งสายใต้ใหม่) ไปยัง จ.กาญจนบุรี รถโดยสารจะออกทุก 20 นาที ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารราคา 120 บาท โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1490, 0-2894-2634 หรือเว็บไซต์ http://www.busticket.in.th สถานีเดินรถกาญจนบุรี โทร. 034-512855)
- รถตู้สาธารณะ การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไปยัง จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ - พุทธมณฑล - นครปฐม - กาญจนบุรี ซึ่งมีจุดให้บริการทั่วกรุงเทพฯ ราคา 120 บาท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-20.00 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ท่าอนุสาวรีย์ชัยฯ ตรงวิคตอรี่พลาซ่า ซอยข้างโชว์รูมรถซูซูกิ โทร. 08-2243-7387, ท่าปิ่นเกล้า โทร. 08-4414-7979, ท่าสายใต้ใหม่ โทร. 08-5297-2772, ท่ากาญจนบุรี โทร. 08-4414-5885)
- รถยนต์ส่วนตัว จาก จ.กรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางไป จ.กาญจนบุรี ได้หลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่ใกล้ที่สุด คือ จากกรุงเทพมหานครเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล มุ่งสู่ จ.นครปฐม ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 จากนั้นเปลี่ยนเส้นทางไปทางราชบุรี - บ้านโป่ง ขับตรงต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 4 จนเห็นป้ายกาญจนบุรี (ทางหลวงหมายเลข 323) พอเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 323 แล้ว ก็ถือว่าเป็นเส้นหลักถนนแสงชูโต ที่วิ่งเข้าตัวจังหวัดกาญจนบุรี รวมเป็นระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร
การเดินทางไป เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
อ.เมือง-->เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
- รถโดยสารประจำทาง การเดินทางภายในจังหวัด จาก อ.เมือง ไปยัง เมืองบาดาล อ.สังขละบุรี มีระยะทาง 221 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้โดยใช้บริการรถทัวร์ปรับอากาศ รถโดยสารประจำทางแบบไม่มีแอร์ และรถตู้ ที่มีให้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งสามารถขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งกาญจนบุรี (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รถทัวร์ปรับอากาศ และรถโดยสารประจำทาง บขส. กาญจนบุรี โทร. 034-511387, รถไมโครบัส ปรับอากาศ 30 ที่นั่ง มีวันละ 3 เที่ยว ตั้งแต่ 9.00 น., รถตู้ เดินรถตั้งแต่ 07.30 - 16.30 น. (รถออกทุกๆ 1 ชั่วโมง) โทร. 034-513151, 034-622881, 034-599452)
- รถยนต์ส่วนตัว การเดินทาง จาก อ.เมือง ไปยัง เมืองบาดาล อ.สังขละบุรี ด้วยระยะทาง 221 กิโลเมตร วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ป้ายบอกทางไปอำเภอไทรโยค - ทองผาภูมิ ก่อนเข้าตัวอำเภอทองผาภูมิ จะเจอสามแยกให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอสังขละบุรี ผ่าน อุทยานแห่งชาติเขาแหลม สะพานข้ามแม่น้ำรันตี และ วิ่งผ่านตัวอำเภอสังขละบุรี ข้ามสะพานซองกาเลีย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสะพานไม้ ก็จะถึงสะพานมอญ จากนั้นสามารถติดต่อขอเช่าเรือ กับทางรีสอร์ท หรือจุดเช่าไปยังเมืองบาดาล ต่อได้เลย
เวลาในการเปิด-ปิดทำการ
เมืองบาดาล เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ทุกวัน
จุดที่น่าสนใจบริเวณ เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
-วัดวังก์วิเวการาม (เก่า)
วัดวังก์วิเวการาม (เก่า)
หากนักท่องเที่ยวมาในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม จะพบกับซากปรักหัก พังของวัดที่ยังหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ได้แก่ หอระฆัง ที่เหลือเพียงโครงสร้าง กับเจดีย์สีขาวเด่นบนยอด ซึ่งเป็นเพียงสิ่งหนึ่งเดียวของวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมในยามน้ำ เต็มเขื่อนตัวโบสถ์เหลือเพียงผนัง ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ ซึ่งภายในผนังโบสถ์ ยังปรากฎลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลือให้เห็น อยู่ ณ ปัจจุบัน บริเวณด้านนอกโบสถ์จะเห็นเศียรพระหักวางไว้ ส่วนภายในมีรูปถ่าย หลวงพ่ออุตตมะให้นักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา
- วัดสมเด็จ (เก่า)
วัดสมเด็จ (เก่า)
เมื่อนั่งเรือถัดมาอีกไม่ไกลก็จะพบกับที่ประดิษฐานของ วัดสมเด็จ (เก่า) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามเมืองบาดาล สร้างโดยพระครู วิมลกาญจนคุณ เจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และรอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมอยู่โดยรอบ ดูแล้วมีมนต์ขลังเป็นอย่างยิ่ง
-วัดศรีสุวรรณ
วัดศรีสุวรรณ
วัดศรีสุวรรณ วัดที่เป็นดั่งตัวแทนของชาวกะเหรี่ยง มีชื่อพ้อง กันกับพระศรีสุวรรณคีรี ซึ่งเป็นชื่อตำแหน่งเจ้าเมืองสังขละบุรี โดยตัววัดตั้งอยู่ บริเวณปลายแม่น้ำรันตี และเนื่องจากบริเวณที่ตั้งของวัดศรีสุวรรณ(เก่า)นั้น ค่อนข้างเป็นที่ต่ำกว่าที่วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) จึงทำให้บริเวณนี้มีน้ำท่วมตลอดปี น้ำจึงท่วมสูงจนแทบจะมิดทั้งตัวโบสถ์ นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมชม ด้านในได้ ชมได้เพียงจากด้านนอกเท่านั้น
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม แต่มีค่าใช้จ่ายในการเช่าเรือ เพื่อไปชมเมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
*ค่าเช่าเรือ มีราคาประมาณ 600 บาท ใช้เวลาไป - กลับ 45 นาที โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอเช่าเรือได้ที่บริเวณสะพานมอญ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้สามารถเข้าชมได้ทุกฤดูกาล แต่ช่วงที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม เนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปชมซากปรักหักพังที่จุดวัดวังก์วิเวการาม(เก่า)ได้ หากนักท่องเที่ยวต้องการเก็บภาพบรรยากาศ เวลา 6.00 น. (พระอาทิตย์ขึ้น), เวลา 18.00 น. (พระอาทิตย์ตก) สามารถ ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง ได้ที่เว็บไซต์ พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ในการท่องเที่ยวเมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
การเที่ยวชมวัดใต้น้ำ ควรเที่ยวในช่วงเช้า และช่วงเย็น เพราะหากเป็นช่วงสายมากๆอากาศค่อนข้างร้อน
ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นช่วงน้ำลดสามารถนั่งเรือไปจอดใกล้โบสถ์แล้วเดินไปชมข้างในได้
บริเวณสะพานมอญ มีบริการเช่าเรือ เพื่อเดินทางไปชมเมืองบาดาล ราคาอยู่ที่ 600 บาท ใช้เวลาไป - กลับ ประมาณ 45 นาที
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ) สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
เมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ)
อัตราค่าเข้าชม : ฟรีค่าเข้าชม (เสียเฉพาะค่าเช่าเรือในการเดินทางไปชม มีราคาประมาณ 600 บาท)
เวลาเปิด – ปิด : 06.00-18.00น. ของทุกวัน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : มีนาคม-พฤษภาคม (ช่วงเช้า และ เย็น)
ตั้งอยู่ที่ : หมู่ที่ 2 บ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 71240
โทรศัพท์ : (+66)34-511200
เว็บไซด์ : http://www.kanchanaburi.go.th/
ระดับความนิยม :
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
จองตั๋วรถโดยสารประจำทาง http://www.busticket.in.th
จองตั๋วรถไฟ https://www.thairailwayticket.com/
จองตั๋วรถตู้ http://van.itthailand.net
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย
อ่านต่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ
อ่านต่อน้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง
อ่านต่อตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย
อ่านต่อตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้
อ่านต่อวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967
อ่านต่อวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย
อ่านต่อ10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อหอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อ่านต่อพาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา (Pasaan, The Headwaters of the Chao Phraya River Symbol Building) ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำปิง วัง ยม น่านมาบรรจบกันและก่อกำเนิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา พาสานถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนครสวรรค์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม เดินเล่น ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน และถ่ายภาพความสวยงามของอาคารและทิวทัศน์แม่น้ำโดยรอบกันอย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อ