เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย

  • อ่าน (5,813)
  • ByWebmaster
  • 15:02:05 | 9 พ.ย. 2560
เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
Malika R.E. 124, Kanchanaburi Province, Thailand


ทางเข้าเมืองมัลลิกา ร.. 124

               เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ตั้งอยู่ที่ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองโบราณจำลองแห่งแรกในไทย หนึ่งเดียวในโลก ที่นำวิถีชน และวัฒนธรรมในช่วงยุคสมัยรัชกาลที่ 5 มาไว้ ณ ที่แห่งนี้


อำเภอ
ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

ประวัติความเป็นมาของเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

           เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ถูกสร้างขึ้น เพื่อจำลองเมืองโบราณในอดีต ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินสยามในยุค ร.ศ. 124 ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนในยุคนั้น ตั้งแต่การประกาศเลิกทาส การแผ่ขยายอิทธิพลจากโลกตะวันตกเข้ามาในแผ่นดินสยาม และนำไปสู่การผสมผสานทางวัฒนธรรม ระหว่างรากเหง้าของวิถีชีวิตคนไทยดั้งเดิมกับวัฒนธรรมตะวันตก จนได้รับการนิยามว่าเป็น ยุคทองแห่งความศิวิไลซ์

  
ย่านการค้า

รถเจ๊ก                                                           เหรียญสตางค์

           จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองมัลลิกา นอกจากการจำลองบ้านเมืองแล้ว การใช้จ่ายภายในเมืองมัลลิกา นักท่องเที่ยวต้องนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสตางค์ สำหรับใช้จับจ่ายซื้อของ และยังมีการจำลองให้ประชากรในเมืองนี้ ตั้งแต่ผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ และวัยรุ่น ให้เป็นไปตามสภาพครอบครัวไทยในอดีต โดยทุกคนจะแต่งกายแบบโบราณ นุ่งกระโจมอก ผ้าโจงกระเบน และดำรงชีวิตในแต่ละวันเหมือนคนในยุคนั้น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้าชมสถานที่แห่งนี้ ยังสามารถแต่งตัวย้อนยุคเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเข้าชมได้อีกด้วย (สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์: http://www.mallika124.com/)

 
บรรยากาศแบบย้อนยุค

การเดินทางไป จ.กาญจนบุรี

           กรุงเทพมหานคร-->กาญจนบุรี

การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไป จ.กาญจนบุรี

           การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไปยัง จ.กาญจนบุรี โดย มีระยะทาง 123 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง  ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเดินทางได้หลายวิธี ดังนี้

               - รถไฟ การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไปยัง จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3.5 ชั่วโมง ต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาลศิริราช แถวตลาดศาลาน้ำร้อน (เส้นทางที่รถไฟสายนี้วิ่งผ่านคือ ธนบุรี - ศาลายา - นครปฐม - หนองปลาดุก - ท่าเรือ - กาญจนบุรี - สะพานแควใหญ่ - วังเย็น - บ้านเก่า - ท่ากิเลน - ถ้ำกระแซ - วังโพธิ์ - เกาะมหามงคล - น้ำตก) โดยมีเวลาให้บริการ 2 ขบวน คือ เวลา 07.45 น.และ เวลา 13.55 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1960, หรือเว็บไซต์ https://www.thairailwayticket.com/)

           - รถโดยสารประจำทาง การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร (สถานีขนส่งหมอชิต2) ไปยัง จ.กาญจนบุรี รถโดยสารจะออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง ค่าโดยสารราคา 120 บาท โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1490, 0-2936-2852 หรือเว็บไซต์ http://www.busticket.in.th สถานีเดินรถกาญจนบุรี โทร. 034-511387)

           การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร (สถานีขนส่งสายใต้ใหม่) ไปยัง จ.กาญจนบุรี รถโดยสารจะออกทุก 20 นาที ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารราคา 120 บาท โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1490, 0-2894-2634 หรือเว็บไซต์ http://www.busticket.in.th สถานีเดินรถกาญจนบุรี โทร. 034-512855)

           - รถตู้สาธารณะ การเดินทางจาก จ.กรุงเทพมหานคร ไปยัง จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ - พุทธมณฑล - นครปฐม - กาญจนบุรี ซึ่งมีจุดให้บริการทั่วกรุงเทพฯ ราคา 120 บาท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-20.00 น. (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ท่าอนุสาวรีย์ชัยฯ ตรงวิคตอรี่พลาซ่า ซอยข้างโชว์รูมรถซูซูกิ โทร. 08-2243-7387, ท่าปิ่นเกล้า โทร. 08-4414-7979, ท่าสายใต้ใหม่ โทร. 08-5297-2772, ท่ากาญจนบุรี โทร. 08-4414-5885)

           - รถยนต์ส่วนตัว จาก จ.กรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางไป จ.กาญจนบุรี ได้หลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่ใกล้ที่สุด คือ จากกรุงเทพมหานครเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล มุ่งสู่ จ.นครปฐม ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 จากนั้นเปลี่ยนเส้นทางไปทางราชบุรี - บ้านโป่ง ขับตรงต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 4 จนเห็นป้ายกาญจนบุรี (ทางหลวงหมายเลข 323) พอเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 323 แล้ว ก็ถือว่าเป็นเส้นหลักถนนแสงชูโต ที่วิ่งเข้าตัวจังหวัดกาญจนบุรี รวมเป็นระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร

การเดินทางไป 
เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

           อ.เมือง-->เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

               - รถโดยสารประจำทาง การเดินทางภายจาก อ.เมือง ไปยัง อ.ไทรโยค ด้วยระยะทาง 31.8 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้โดยใช้บริการรถทัวร์ปรับอากาศ รถโดยสารประจำทางแบบไม่มีแอร์ และรถตู้ ที่มีให้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งสามารถขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งกาญจนบุรี (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม    รถทัวร์ปรับอากาศ และรถโดยสารประจำทาง บขส. กาญจนบุรี โทร. 034-511387, รถไมโครบัส ปรับอากาศ 30 ที่นั่ง มีวันละ 3 เที่ยว ตั้งแต่ 9.00 น., รถตู้ เดินรถตั้งแต่ 07.30 - 16.30 น. (รถออกทุกๆ 1 ชั่วโมง) โทร. 034-513151, 034-622881, 034-599452)

               - รถยนต์ส่วนตัว การเดินทางจาก อ.เมือง ไปยัง เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124อ.ไทรโยค ด้วยระยะทาง 31.8 กิโลเมตรวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 323เส้นทางสายกาญจนบุรี -ไทรโยค จนถึงกิโลเมตรที่ 15 เมืองมัลลิกาตั้งอยู่ซ้ายมือข้างปั๊มน้ำมันบางจาก ก่อนถึงทางเข้าปราสาทเมือง

เวลาในการเปิด-ปิดทำการ

           เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น. ทุกวัน

จุดที่น่าสนใจภายใน

           - สะพานหัน

               สะพานหัน เป็นชื่อที่เรียกตามลักษณะสะพาน ในสมัยก่อนนั้นจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นอยู่กับที่ ส่วนอีกข้างจะไม่ตอกติด สามารถจับหันไปมา เพื่อให้เรือแล่นผ่านได้

           - ย่านการค้า 

           ในสมัย ร.ศ. 124 มี ย่านการค้า ที่ขึ้นชื่อ มีสินค้ามากมาย และทันสมัยสำหรับในยุคสมัยนั้น ได้แก่ ย่านถนนแพร่งนรา, ย่านถนนแพร่งภูธร, ย่านถนนแพร่งสรรพศาสตร์ และย่านบางรัก

           - หอชมเมือง 

               หอชมเมือง ถูกจำลองมาจาก หอคอยคุก ซึ่งเป็นหอคอยที่ใช้สำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนี โดยเมืองมัลลิกา สร้างหอคอยแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นมาชมความสวยงามของทัศนียภาพภายในเมือง

           - เรือนเดี่ยว

  

               เรือนเดี่ยว เป็นเรือนชาวบ้านชนชั้นกรรมมาชีพ มีหน้าที่ ผลิตปัจจัยในการยังชีพ อันได้แก่ การทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก สีข้าว ทอผ้า และจักสาน เป็นต้น ซึ่งสถานที่แห่งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริง

           - เรือนคหบดี

  

               เรือนคหบดี เป็นเรือนของคนมีฐานะในยุคนั้น โดยบนเรือน จะมีกิจกรรมด้านงานฝีมือ ซึ่งเป็นงานศิลปะแสนประณีต และในส่วนพื้นที่เรือนครัว เป็นพื้นที่ที่สะท้อนวิถีชีวิตการทำอาหารของคนสมัยก่อนที่หาชมได้ยาก

           - เรือนแพ

           ในยุคสมัยนั้น การสัญจรไปมาส่วนใหญ่ใช้การสัญจรทางแม่น้ำ ทำให้เห็นร้านค้าตั้งอยู่ริมน้ำโดยรอบ เมืองมัลลิกาจึงจำลองเรือนแพสำหรับค้าขาย โดยมีร้านอาหาร และร้านกาแฟ "ตงฮู" หนึ่งในร้านกาแฟที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เนื่องจากเป็นร้านที่นำเข้าเมล็ดกาแฟสดมาจากต่างประเทศ

           - เรือนหมู่ 

 

           เรือนสำหรับรับแขกบ้านแขกเมือง ที่สะท้อนวิถีชีวิตของนาฏศิลป์ไทย รวมทั้งความวิจิตรบรรจงของสำรับกับข้าวไทยที่ขึ้นชื่อทั้งรสชาติ และหน้าตาอาหาร ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เพราะเป็นเรือนหมู่ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว

           - ลานมะลิ

  

           เนื่องจากมัลลิกา ตามพจนานุกรมไทย แปลว่า มะลิ ในประเทศไทยมีมะลิมากกว่าร้อยชนิดซึ่งคนรุ่นใหม่ไม่ทราบกันมาก จึงได้สร้างลานมะลิเพื่อรวบรวมมะลิพันธุ์ต่างๆมาไว้ให้ได้ดูและได้ชม

อัตราค่าเข้าชม

              >>>ค่าเข้าชมเมืองมัลลิกา

                         ผู้ใหญ่ ราคา 250 บาท  เด็กและผู้สูงอายุ* ราคา 120 บาท

              >>>ค่าเข้า + อาหารเย็นพร้อมชมโชว์การแสดง

                         ผู้ใหญ่ ราคา 700 บาท  เด็กและผู้สูงอายุ* ราคา 350 บาท

            (หมายเหตุ*เด็กส่วนสูง ต่ำกว่า 100 ซม. เข้าฟรี / ส่วนสูงระหว่าง 100 - 130 ซม.- ราคาเด็ก / ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป)

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เข้าชมได้ทุกฤดูกาล หากนักท่องเที่ยวต้องการเก็บภาพบรรยากาศที่สวยงาม สามารถ ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง ได้ที่เว็บไซต์ พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/  

ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ในการเที่ยวเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

           เนื่องจากเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 เป็นเมืองโบราณที่ถูกจำลองขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้โดยเสียแค่ค่าบัตรเข้าชม ไม่จำเป็นต้องแต่งชุดไทย เพื่อเข้าชม เนื่องจากค่าเข้าชม และค่าเช่าชุด มีราคาค่อนข้างสูง

           นักท่องเที่ยวท่านใดที่สนใจแต่งชุดไทย ให้เข้ากับบรรยากาศของเมือง ทางเมืองมัลลิกามีบริการให้เช่าชุดไทย ตามรายละเอียดด้านล่างนี้

                         ผู้หญิง มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่

                                         ราคา 200 บาท : ผ้าสไบ โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม

                                         ราคา 300 บาท : เสื้อแขนหมูแฮม พร้อมแพรสะพาย โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มขัด และร่ม

                         ผู้ชาย มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่

                                         ราคา 100 บาท : เสื้อกุยเฮง โจงกระเบน และผ้าคาดเอว

                                         ราคา 300 บาท : เสื้อราชปะแตน โจงกระเบน

                         เด็ก ราคา 50 บาท : เสื้อคอกระเช้าสำหรับผู้หญิง เสื้อกุยเฮงสำหรับผู้ชาย และโจงกระเบน

                         หมายเหตุ: ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

           สำหรับนักท่องที่มีชุดไทยอยู่แล้ว สามารถเตรียมมาจากบ้าน และนำมาสวมใส่ในนี้ได้

           การใช้จ่ายในเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ต้องใช้เงินสตางค์ เท่านั้น ดังนั้น นักท่องเที่ยวควรแลกเงินก่อนที่จะใช้จ่ายซื้อของภายใน

           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                          เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

                          อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ ราคา 250 บาท เด็กและผู้สูงอายุ* ราคา 120 บาท

                          เวลาเปิด – ปิด : 09.00 - 20.00 น. ของทุกวัน

                          ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                          ตั้งอยู่ที่ : 168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150

                          โทรศัพท์ : (+66)34-540884–86  อีเมลล์: info@mallika124.com

                          เว็บไซด์ : http://www.mallika124.com

                          ระดับความนิยม : 

                          ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ :  พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/ 

                                        จองตั๋วรถโดยสารประจำทาง http://www.busticket.in.th

                                        จองตั๋วรถไฟ  https://www.thairailwayticket.com/

                                        จองตั๋วรถตู้ http://van.itthailand.net

 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย

อ่านต่อ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ

อ่านต่อ

น้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง

อ่านต่อ

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้

อ่านต่อ

วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967

อ่านต่อ

วัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย

อ่านต่อ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

หอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา (Pasaan, The Headwaters of the Chao Phraya River Symbol Building) ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำปิง วัง ยม น่านมาบรรจบกันและก่อกำเนิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา พาสานถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนครสวรรค์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม เดินเล่น ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน และถ่ายภาพความสวยงามของอาคารและทิวทัศน์แม่น้ำโดยรอบกันอย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ