อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย

  • อ่าน (13,172)
  • ByWebmaster
  • 11:27:07 | 21 ส.ค. 2564

อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย

Bang Rachan Memorial Park, Sing Buri, Thailand

 

             อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน (Bang Rachan Memorial Park) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าและรักษาบ้านเมืองไว้ได้ และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมศึกษา

 


ประวัติ

             อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 115 ไร่ภายในบริเวณอุทยานค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีลักษณะเป็นสวนรุกชาติ บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม โดดเด่นด้วยอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเป็นรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 คน ได้แก่ พระอาจารย์ธรรมโชติ ขันสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจัน หนวดเขี้ยว นายทอง แสงใหญ่ นายแทน นายโชติ และนายทองแก้ว สร้างโดยกรมศิลปากร โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519  อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าและรักษาบ้านเมืองไว้ได้เป็นเวลานานก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อปีพ.ศ.2310

             ค่ายบางระจันมีความสำคัญยิ่งต่อประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยในขณะที่กรุงศรีอยุธยาถูกพม่าล้อมในพ.ศ.2307 นั้น เนเมียว สีหบดี แม่ทัพพม่า ได้ส่งทหารออกไปปล้นทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คน หาหนทางทำลายกำลังข้าศึกอยู่ที่ "บ้านบางระจัน" ซึ่งเป็นชัยภูมิที่ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ขณะเดียวกันชาวบ้านบางระจันก็ได้จัดเตรียมอาวุธ และฝึกกำลังไว้ต่อต้าน โดยมีบุคคลสำคัญคือ พระอาจารย์ธรรมโชติ ขันสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจัน หนวดเขี้ยว นายทอง แสงใหญ่ นายแทน นายโชติ และนายทองแก้ว ซึ่งรวบรวมกำลังคนได้กว่า 400 คน ช่วยกันสร้างบ้านบางระจันขึ้นเพื่อให้เป็นค่ายไว้ต่อสู้ข้าศึก

             ฝ่ายพม่าที่อยู่เขตเมืองวิเศษไชยชาญเมื่อทราบข่าวก็ส่งกำลังมาปราบปราม ทว่าถูกชาวบ้านบางระจันต่อสู้จนแตกพ่ายไป ชัยชนะของชาวบ้านบางระจันครั้งนี้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ราษฎรที่หลบซ่อนตัวอยู่ ต่างก็พากันสมัครเข้าเป็นพรรคพวกจำนวนมาก จนสามารถแบ่งกำลังคนเป็นหมวดหมู่ได้อย่างกองทัพแม้ว่ายังขาดอาวุธปืน ต่อมาเนเมียว สีหบดี แม่ทัพพม่า ได้ส่งกำลังทัพใหญ่ประมาณ 1,000 คน มาปราบปราม ชาวบ้านบางระจันจึงได้จัดเตรียมการสู้รบแบบกองทัพ โดยให้นายแท่น แม่ทัพที่คุมพลอยู่กลาง 200 คน นายทองเหม็นคุมพล 200 คนอยู่ปีกขวา และพันเรือง คุมพล 200 คนอยู่ทางปีกซ้าย ได้ทำการต่อสู้รบกันจนกระทั่งพม่าถูกตีแตกพ่ายทัพกลับไป  

             ภายหลังแม่ทัพพม่าได้ส่งกองทัพมาอีกหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ถูกตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง โดยครั้งสุดท้ายพม่าใช้ให้สุกี้ชาวมอญซึ่งมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศเป็นอย่างดี เป็นผู้นำกองทัพพม่าออกไปต่อสู้กับชาวบ้านบางระจัน โดยสุกี้ได้นำกองทัพพม่ามาตั้งค่ายประจันหน้ากับค่ายบางระจัน ทั้งสองฝ่ายทำการสู้รบกันอย่างเข้มแข็ง ทว่าฝ่ายไทยขาดอาวุธปืนจึงอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ และพ่ายแพ้ในที่สุดเมื่อวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพของพม่า แต่ก็กล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าชาวบ้านบางระจันที่มีกำลังพลเพียงน้อยนิดนั้นได้ทำหน้าที่ต้านทานกองทัพเอาไว้ได้อย่างสุดกำลังเป็นเวลานาน 

             ค่ายบางระจันในปัจจุบันนั้น ได้สร้างจำลองขึ้นโดยอาศัยรูปแบบค่ายในสมัยโบราณ และภายในบริเวณยังมีอาคารศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ 3 ห้อง ได้แก่ 1. ห้องแสดงเรื่องค่ายบางระจัน เครื่องใช้โบราณ แหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย หนังใหญ่ 2. ห้องจัดแสดงมรดกเมืองสิงห์บุรี 3. ห้องแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองสิงห์บุรีและของดีเมืองสิงห์บุรี

 
บริเวณทางเข้าสู่อนุสาวรีย์

 
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันอันโดดเด่น

 
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเป็นรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 คน

 
พิธีเปิดอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันมีขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519

 
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานค่ายบางระจัน

 
สถาปัตยกรรมไทยภายในอุทยานค่ายบางระจัน


การเดินทางไปจังหวัดสิงห์บุรี

 

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสิงห์บุรี มีระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที    


การเดินทางไปอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน

             อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ที่ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน ห่างจากตัวจังหวัดสิงห์บุรี 17 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 20 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 18.45 น.

 
อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าและรักษาบ้านเมืองไว้ได้เป็นเวลานานก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.2310


อัตราค่าเข้าชม

             ไม่เสียค่าเข้าชม


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน

             ชมรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 นาย และรื่นรมย์กับบรรยากาศร่มรื่นของสวนรุกชาติภายในบริเวณอุทยานค่ายบางระจัน

 
ด้านหน้าอนุสาวรีย์มีกระถางปักธูปสำหรับผู้มากราบสักการะ


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถเที่ยวได้ตลอดปี

 


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย

                         (Bang Rachan Memorial Park, Sing Buri, Thailand)

                         ระดับความนิยม : 

                         อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม    

                         เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 18.45 น.

                         ตั้งอยู่ที่ : อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ที่ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี

                         โทรศัพท์ : (+66) 087 589 4033   

                         เว็บไซต์ : -

                         ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                       ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี http://www.singburi.go.th/_2017/frontpage

                                       ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดสิงห์บุรี https://www.dlt.go.th/site/singburi

                                       ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

พิจิตร จังหวัดเล็กๆ ที่ซ่อนเสน่ห์เอาไว้มากมาย และไม่ได้มีแค่บึงสีไฟเพียงอย่างเดียว เพราะเมืองชาละวันแห่งนี้มีทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นที่น่าสนใจ บทความนี้ Palanla จะพาไปเปิดมุมมองใหม่กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนพิจิตร

อ่านต่อ

วัดหิรัญญาราม (วัดบางคลาน) จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

วัดหิรัญญาราม (Wat Hiranyaram) หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในชื่อ วัดบางคลาน (Wat Bang Khlan) เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่รู้จักจาก หลวงพ่อเงิน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีผู้คนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก

อ่านต่อ

อุทยานเมืองเก่าพิจิตร จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

อุทยานเมืองเก่าพิจิตร (Pichit Historical Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เชื่อกันว่าเดิมทีบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของเมืองพิจิตรเก่า

อ่านต่อ

วัดนครชุม จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

วัดนครชุม (Wat Nakhon Chum) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยเคยเป็นวัดสำคัญของเมืองพิจิตรในอดีต

อ่านต่อ

วัดเขารูปช้าง จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

วัดเขารูปช้าง (Wat Khao Rup Chang) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของจังหวัดพิจิตรที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา บนยอดเขาที่มีหินสีขาวซ้อนกันเป็นรูปช้างคุกเข่าโดดเด่นด้วยเจดีย์แบบลังกา ประดับกระเบื้องเคลือบสีทองทั้งองค์

อ่านต่อ

ทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

ทุ่งดอกกระเจียวยักษ์บ้านเขาโล้น (Giant Siam Tulip Field Baan Khao Loan) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อดอกกระเจียวสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งทุ่ง

อ่านต่อ

ตลาดย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร ประเทศไทย

ตลาดย่านเก่าวังกรด ( Yan Kao Wang Krot Market) ตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ณ ย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยที่เรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้เก่าแก่สวยงาม พร้อมทั้งหอนาฬิกาที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของชุมชน

อ่านต่อ

น้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย

น้ำตกไทรโยคใหญ่ (Sai Yok Yai Waterfall) เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี ด้วยความงามของม่านน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลรินลงมาจากหน้าผาสูงและกลายเป็นสายน้ำที่ทอดยาว รายล้อมไปด้วยป่าไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี

อ่านต่อ

ต้นจามจุรียักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย

ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Monkey Pod Tree) อายุกว่า 100 ปี ที่ยืนตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองกาญจนบุรีในปัจจุบัน

อ่านต่อ

คู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์

การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ