เที่ยว 9 วัด ทำบุญ - เวียนเทียนวันมาฆบูชารอบกรุงเทพมหานคร

  • อ่าน (4,091)
  • ByWebmaster
  • 16:51:35 | 23 ก.พ. 2561

เที่ยว 9 วัด ทำบุญ - เวียนเทียนวันมาฆบูชารอบกรุงเทพมหานคร

           เนื่องในวันมาฆบูชากำลังจะเวียนมาถึงในวันที่ 1 มีนาคม 2561 ทีมงานพาลั้ลลาจึงรวบรวมข้อมูลวัดที่น่าสนใจ 9 แห่งรอบกรุงเทพมหานครฯ เพื่อให้เหล่าพุทธศาสนิกชนได้แวะไปทำบุญขอพร ฟังเทศน์ฟังธรรม และร่วมกิจกรรมเวียนเทียนในวันมหามงคลนี้ และร่วมน้อมรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 ปีก่อน นั่นคือการแสดงโอวาทปาติโมกข์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้แก่บรรดาพระอรหันทั้ง 1,250 รูป ที่เดินทางมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย


1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

 

           วัดโพธิ์เป็นหนึ่งในวัดสำคัญของกรุงเทพฯซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเป็นรองเพียงแค่วัดพระแก้วเท่านั้น ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของการเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) และมีสถานที่สำคัญมากมายภายในวัด ทั้งพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล และจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 แผ่นในบริเวณวัดที่รวบรวมตำราการแพทย์ โบราณคดี และวรรณกรรม ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2554 อีกด้วย

           ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำคัญสององค์คือ พระพุทธเทวปฏิมากร ซึ่งประดิษสถานอยู่ภายในพระอุโบสถ และ พระพุทธไสยยาส ที่ถือเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย และมีความพิเศษตรงที่บริเวณพระบาทประดับมุกภาพมงคล 108 ประการ ตรงกลางเป็นรูปจักรตามตำรามหาปุริสลักขณะ มีสีทองอร่ามไปทั่วทั้งองค์พระจนมีความงดงามเป็นอย่างสูง

             สถานที่ตั้ง : แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 1, 3, 4, 6, 9, 12, 25, 32, 44, 47, 48, 53 และ 82

                         - เรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าเตียน จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

            ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-2260335, (+66)2-2260369 เว็บไซต์ : http://www.watpho.com/

            เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.30 น.


2. วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร


           วัดปทุมวนารามเป็นวัดที่มีความโดดเด่นในเรื่องสถานที่ตั้ง ซึ่งถูกขนาบข้างด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างสยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิร์ล โดยตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS และยังถือเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิ พระราชสรีรางคาร และพระอัฐิของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 และพระราชวงศ์ในราชสกุลมหิดลหลายพระองค์ 

           ภายในวัดปทุมฯ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป 3 องค์ โดยอุโบสถหลังแรกเป็นที่ประดิษฐานของ “พระเสริม” และ “พระแสน” โดยพระเสริมนั้นถูกอัญเชิญมาจากประเทศลาว ภายหลังจากที่กองทัพสยามเดินทางไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 และภายในอุโบสถหลังที่สอง เป็นที่ประดิษฐานของ “พระสายน์” ซึ่งถูกอัญเชิญมาจากถ้ำที่เมืองมหาไชย แขวงล้านช้าง ในสมัยรัชกาลที่ 4 พร้อมกับ”พระแสน” ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในด้านการเรียกฝนเมื่อยามฝนแล้งเป็นอย่างมาก

             สถานที่ตั้ง : แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 2, 15, 16, 25, 40, 45, 48, 54, 73, 79, 204, 79, ปอ.พ.1, 6, 23

                         - รถไฟฟ้า BTS นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปวัดปทุมฯได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม ออกทางออกหมายเลข 5

                         - รถแท็กซี่ มีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-2516469 เว็บไซต์ : http://www.watpathumwanaram.com/

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 -18.00 น.


3. วัดราชนัดดารามวรวิหาร

           วัดราชนัดดารามเป็นวัดเก่าแก่ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น มีจุดเด่นที่ทำให้เป็นที่รู้จักจากโลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวในประเทศไทยและแห่งเดียวในโลกที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ภายในปราสาทมีการจัดแสดง”นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” เป็นการรวบรวมประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมในแขนงต่างๆ โดยนำเสนอในรูปแบบวิดีทัศน์ที่ทันสมัย และยังมีห้องสมุดสำหรับประชาชน รวมถึงพื้นที่สำหรับการทำวิปัสสนา หรือเดินจงกลม

           สำหรับพระประธานในอุโบสถวัดราชนัดดาราม มีนามว่า ”พระเสฏฐตมมุนี” เป็นพระพุทธปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ ขนาด หน้าตัก 7 ศอก วัสดุทองแดงปิดทอง สร้างขึ้นด้วยรูปแบบศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ โดยใช้แร่ทองแดงที่ขุดได้จากอำเภอจันทึก จังหวัดนครราชสีมา โดยชื่อ”พระเสฏฐตมมุนี” นั้นได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

             สถานที่ตั้ง : แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 9, 44, 39, 59 และ 509

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-2210903 เว็บไซต์ : http://www.watratchanaddaram.com/

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น.


4. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)

           วัดสระเกศ เป็นวัดซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากภูเขาทอง หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นในกรุงเทพฯ จากความสูงกว่า 59 เมตร หรือเท่าตึกสูง 19 ชั้น และสีทองอร่ามที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 และเสร็จสิ้นในรัชกาลที่ 5 ภายในตัวภูเขาทองมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับการถวายจากรัฐบาลอินเดียเอาไว้ และเปิดให้คนทั่วไปสามารถสักการบูชาได้ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังยอดเจดีย์

             สถานที่ตั้ง : แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 8, 15, 37, 47, 49

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-6212280

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น. - 18.00 น.

5. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร

           วัดชนะสงคราม เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ด้านการช่วยให้เอาชนะศัตรูและอุปสรรคต่างๆมานับตั้งแต่ในอดีต ประกอบด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งบริเวณรอบวัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่พักอาศัยของชายฉกรรจ์ชาวมอญ ที่ถือเป็นกำลังรบหลักในสงครามต่างๆกับพม่า จนได้รับชัยชนะจากสงครามสำคัญ 3 สงครามในยุคนั้น รวมถึงสงคราม 9 ทัพ จนทำให้รัชกาลที่ 1 พระราชทานชื่อ “วัดชนะสงคราม” ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ภายหลังจากสิ้นสุดสงครามต่างๆ

           ภายในวัดชนะสงครามเป็นที่ประดิษฐานของา พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย โดยมีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เดินทางกลับจากการทำสงครามเก้าทัพ ก็ได้มาหยุดพักที่วัดแห่งนี้ และทรงถอดฉลองพระองค์ลงยันต์ (เสื้อยันต์) เพื่อคลุมองค์พระประธานถวายเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นช่างก็ได้โบกปูนทับจนมีขนาดใหญ่ขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้บริเวณด้านหลังอุโบสถยังมีพระพุทธบาทจำลองให้กราบไหว้บูชาอีกด้วย

             สถานที่ตั้ง : แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123 และ 509

                         - เรือด่วนเจ้าพระยา ลงเรือที่ท่าพระอาทิตย์ จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 800 เมตร ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-2819396 เว็บไซต์ : http://watchanasongkram.com/

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-16.00 น.       

6. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

           วัดระฆัง เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับโรงพยาบาลศิริราช เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากในประเทศไทย  ที่มาของชื่อ “วัดระฆัง” มาจากในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งมีการขุดพบระฆังลูกหนึ่งซึ่งมีเสียงไพเราะมาก หลังจากนั้นรัชกาลที่ 1 ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำระฆังลูกนั้นไปไว้ที่วัดพระแก้ว และโปรดให้สร้างหอระฆัง พร้อมทั้งระฆังอีก 5 ลูกขึ้นทดแทน

           ภายในอุโบสถวัดระฆังประดิษฐาน “พระประธานยิ้มรับฟ้า” เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท ที่มาของชื่อ”ยิ้มรับฟ้า” มาจากในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดแห่งนี้ และได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที”

             สถานที่ตั้ง : แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 57, 146 และ 177

                         - เรือด่วนเจ้าพระยาลงเรือที่ท่าช้าง จากนั้นขึ้นเรือข้ามฟากมายังท่าวัดระฆัง ค่าโดยสารเรือด่วนเริ่มต้นที่ 15 บาท
และค่าเรือข้ามฟาก 3.50 บาท

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-4181079 เว็บไซต์ : http://www.watrakang.com/

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-17.00 น.


7. วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

           วัดอรุณ หรือวัดแจ้ง เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี มีจุดท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร คือพระปรางค์สีขาวซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา องค์พระปรางค์เดิมนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยอยุธยา และมีความสูงประมาณ 16 เมตรเท่านั้น แต่เมื่อมีการบูรณะวัดครั้งใหญ่ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการต่อเติมองค์พระปรางค์ให้มีความสูงขึ้นถึง 81.85 เมตรดังที่เห็นในปัจจุบัน

           พระประธานในอุโบสถวัดอรุณฯ มีนามว่า พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก” มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลปะยุครัตนโกสินทร์ มีความเชื่อกันว่าหุ่นพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์นี้ปั้นโดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ส่วนพระวรกายปั้นโดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และที่ฐานของพระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยอีกด้วย

             สถานที่ตั้ง : แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 1, 3, 4, 6, 9, 12, 25, 32, 44, 47, 48, 53 และ 82 โดยลงรถบริเวณท่าเตียน
จากนั้นขึ้นเรือข้ามฟากมายังท่าวัดอรุณ

                         - เรือด่วนเจ้าพระยาลงเรือที่ท่าเตียน จากนั้นขึ้นเรือข้ามฟากมายังท่าวัดอรุณ ค่าโดยสารเรือด่วนเริ่มต้นที่ 15 บาท
และค่าเรือข้ามฟาก 3.50 บาท

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-8912185 เว็บไซต์ : http://www.watarun.org/

             เวลาเปิดทำการ : บริเวณพระปรางค์ เปิดตั้งแต่ 08.00 – 18.00

                            เวลาเปิดปิดของจุดอื่นๆสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ http://www.watarun.org/


8. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

 

           วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากความงดงามของพระอุโบสถที่สร้างด้วยหินอ่อน ผสมผสานกับรูปแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยที่ลงตัว ในอดีต วัดเบญฯ มีชื่อว่า ”วัดแหลม” ซึ่งเป็นวัดของราษฏรทั่วไป แต่เมื่อมีเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพปราบกบฏ โดยทรงตั้งกองบัญชาการทัพที่วัดแหลมแห่งนี้ และภายหลังจากการปราบกบฏเสร็จสิ้น พระองค์และพี่น้องอีก 4 คนได้ร่วมกันบูรณะวัดแหลมขึ้นใหม่ และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเบญจบพิตร” ซึ่งหมายความว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์

           ภายในพระอุโบสถวัดเบญ เป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธชินราชจำลอง” โดยมีการหล่อพระพุทธชินราช (จำลอง) ขึ้น ณ โพธิ์สามเส้า ซึ่งก็คือบริเวณเดิมที่มีการหล่อพระพุทธชินราชองค์จริง พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาขึ้น หลังจากนั้นจึงอัญเชิญพระพุทธชินราช (จำลอง) ลงแพแล้วล่องลงมายังกรุงเทพมหานคร เพื่อประดิษฐาน ณ วัดเบญจมบพิตร ในสมัยรัชกาลที่ 5

             สถานที่ตั้ง : แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 5, 72 และ 503

                         - รถแท็กซี่ เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และเพิ่มค่าโดยสารกิโลเมตรละ 5.50 บาทในระยะ 1-10 กิโลเมตรแรก สามารถดูรายละเอียดอัตราค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2laovLG

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-2822667 เว็บไซต์ : http://www.watbencha.com/

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 8.30-17.30 น.


9. พุทธมณฑล

           พุทธมณฑล เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อฉลองวาระกึ่งพุทธกาลในปี พ.ศ. 2500 โดยในปี พ.ศ. 2498 รัฐบาลจอมพล ป. ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงประกอบรัฐพิธีก่อฤกษ์พุทธมณฑล ณ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม แต่แผนกางสร้างได้ล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณ จนมีการรื้อฟื้นแผนการก่อสร้างขึ้นอีกครั้งในสมัยรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ และได้ก่อสร้างเสร็จสิ้นในสมัยรัฐบาลของพลเอกเปรม ในปีพ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี

           พระพุทธรูปประจำพุทธมณฑลมีนามว่า พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์” เป็นพระพุทธรูปปางลีลา โดยประยุกต์พุทธลักษณะ มาจากพระพุทธรูปปางลีลาสมัยสุโขทัย โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบ เป็นพระพุทธรูปสูง 15.875 เมตร ถือเป็นพระพุทธรูปลีลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์

             สถานที่ตั้ง : ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

             การเดินทาง : - รถประจำทาง สาย 84ก, ปอ.515, ปอ.547, 124, 125,164 และ 388

                         - รถยนตร์ส่วนตัว เป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุดในการเดินทางมายังพุทธมณฑล เนื่องจากพื้นที่ภายในพุทธมณฑลมีอาณาเขตค่อนข้างกว้าง หากใช้รถยนตร์ส่วนตัวจะสามารถแวะชมจุดต่างๆที่น่าสนใจได้อย่างครบถ้วนและง่ายดาย โดยพุทธมณฑลตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกรุงเทพมหานครประมาณ 20 กิโลเมตร โดยเส้นทางหลักคือการมุ่งหน้ามายังถนนบรมราชชนนี หรือใช้เส้นทางอื่นและมุ่งหน้ามายังถนนพุทธมณฑลสาย 4 หรืออาจตรวจสอบเส้นทางที่ชัดเจนได้จาก Google Map เพิ่มเติม

             ข้อมูลติดต่อ : (+66)2-4419013 เว็บไซต์ : http://bbc.onab.go.th/

             เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 - 19.00 น.

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย

อ่านต่อ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ

อ่านต่อ

น้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง

อ่านต่อ

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้

อ่านต่อ

วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967

อ่านต่อ

วัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย

อ่านต่อ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

หอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา (Pasaan, The Headwaters of the Chao Phraya River Symbol Building) ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำปิง วัง ยม น่านมาบรรจบกันและก่อกำเนิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา พาสานถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนครสวรรค์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม เดินเล่น ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน และถ่ายภาพความสวยงามของอาคารและทิวทัศน์แม่น้ำโดยรอบกันอย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ