13 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย

  • อ่าน (8,617)
  • ByWebmaster
  • 15:40:45 | 12 ม.ค. 2567

13 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอุดรธานี ประเทศไทย

Top 13 Travel Destinations in Udon Thani, Thailand

 

             “อุดรธานี” เป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนมักจะถึงเมื่อเอ่ยถึงจังหวัดในภาคอีสาน อุดรเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งธรรมชาติสวยๆ และสถาปัตยกรรมงดงาม ทรงคุณค่า ที่เชื่อมโยงกับความศรัทธา ความเชื่อของคนในท้องถิ่น… Palanla จะพาไปชม 13 สถานที่เที่ยวยอดนิยมของจังหวัดอุดรธานีที่มาอุดรทั้งทีแล้วไม่ควรพลาด

 
แผนที่แสดงตำแหน่ง 13 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอุดรธานี


1. หนองประจักษ์

 

             หนองประจักษ์ (Prachak Lake) หรือ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าหนองประจักษ์ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่มี่มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุดรธานี เดิมเรียกว่า "หนองนาเกลือ" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "หนองประจักษ์" เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี ภายหลังได้มีการปรับปรุงหนองประจักษ์ และได้สร้างบริเวณตัวเกาะกลางน้ำจัดทำสวนหย่อมปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิด สร้างสะพานเชื่อมระหว่างเกาะ มีน้ำพุ หอนาฬิกา และสนามเด็กเล่น ในแต่ละวันมีประชาชนเดินทางมาพักผ่อนและออกกำลังกันเป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าถ้ามาเมืองอุดรแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับเป็ดเหลืองที่หนองประจักษ์ก็เหมือนมาไม่ถึงจุดเช็คอิน เป็ดยางสีเหลืองขนาดใหญ่ที่ว่านี้เทศบาลเมืองอุดรจำลองแบบมาจาก Giant Rubber Duck อันโด่งดังของฮ่องกง ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปเมื่อมาเที่ยวจังหวัดอุดร

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 21.00 น.

พิกัด GPS 17°25'11.7"N 102°46'54.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หนองประจักษ์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=433                 


2. ทะเลบัวแดง

 

             ทะเลบัวแดง (Red Lotus Lake) อยู่ที่บึงหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นบึงดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งดงามละลานตาไปด้วย “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” นับล้านๆ ดอก ที่ธรรมชาติได้เนรมิตความงามสุดอลังการนี้ขึ้นมา ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสและชื่นชมกับความงดงามของ “ทะเลบัวแดง” นี้ในทุกฤดูหนาว โดยช่วงเวลาที่สามารถสัมผัสความงดงามของทะเลบัวแดงนั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เดือนธันวาคมไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแต่ละปี การมาชมทะเลบัวแดงควรมาชมในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 - 11.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวสีชมพูจะแข่งกันเบ่งบานละลานตาและยังไม่หุบ โดยดอกบัวจะบานตั้งแต่เช้า เป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมหรือเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามสุดแสนประทับใจด้วย

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง ในช่วงเดือนธันวาคม - ต้นเดือนมีนาคม

พิกัด GPS :  17°12'08.0"N 102°59'58.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทะเลบัวแดง ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=352


3. แหล่งศึกษาและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โฮจิมินห์

 

             แหล่งศึกษาและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Educational and Tourism Historical Site) ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่ ในบ้านหนองฮาง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่ที่ลูกหลานคนไทยเชื้อสายเวียดนามได้รวบรวมเงินซื้อที่ดินประวัติศาสตร์แปลงนี้ แล้วมอบให้ทางจังหวัดอุดรธานี จัดสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2549 แหล่งศึกษาและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โฮจิมินห์เป็นสถานที่ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติของประธานโฮจิมินห์ขณะที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่อยู่ในช่วงเวลานั้น และแนวทางการดำเนินชีวิตของบุคคลสำคัญแห่งประเทศเวียดนามท่านนี้ที่ได้กอบกู้บ้านเมืองจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม และเป็นจุดหนึ่งในแผนที่ประวัติศาสตร์อันสำคัญของท่านประธานโฮจิมินห์ในต่างแดน

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 17°24'14.2"N 102°41'23.1"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แหล่งศึกษาและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โฮจิมินห์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=358


4. วัดสันติวนาราม

 

             วัดสันติวนาราม (Wat Santiwanaram) ตั้งอยู่ที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี  เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยพระอุโบสถกลางน้ำทรงดอกบัวหนึ่งเดียวในสยาม วัดแห่งนี้มีต้นแบบมาจากวัดดอกบัว (Lotus Temple) ของศาสนาบาร์ไฮ เมืองเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อครั้งที่พระครูพิศาลธรรมภาณี และพระอาจารย์มหาบางเขมานันโท ได้นำคณะจาริกแสวงบุญในประเทศอินเดียเมื่อสิบกว่าปีก่อน โดยดอกบัวคือสัญลักษณ์สำคัญอีกหนึ่งอย่างของพุทธศาสนา พระอุโบสถกลางน้ำรูปทรงดอกบัวเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ทว่าการก่อสร้างยังไม่สำเร็จพระครูพิศาลธรรมภาณีก็ได้มรณภาพไปก่อน ดร.มหาบาง เขมานันโธ (เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน) จึงได้สานต่อจนก่อสร้างแล้วเสร็จ ด้านนอกมีสะพานสีขาวทอดยาวเชื่อมตัวพระอุโบสถกับฝั่ง โดยรอบมีหนองน้ำขนาดราว 100 ไร่ ในช่วงเช้าและเย็นจะมีฝูงนกจำนวนมากบินวนอยู่บริเวณหนองน้ำ บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน

เวลาเปิด - ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 17°26'34.1"N 103°14'40.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสันติวนาราม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=415


5. ศาลเจ้าปู่ – ย่า

 

             ศาลเจ้าปู่ - ย่า (Chao Pu-Ya Shrine) ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟใกล้ตลาดหนองบัว ถนนนิตโย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุดรเชื้อสายจีนให้ความเคารพนับถือมายาวนาน สันนิษฐานว่าก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2488 โดยกลุ่มพ่อค้าชาวจีนที่ได้อัญเชิญผงธูปมาประทับที่ศาลไม้เล็กๆ ริมฝั่งหนองบัว ซึ่งก็คือที่ตั้งของศาลเจ้าปู่ย่าในปัจจุบัน ภายหลังได้ขยับขยายพื้นที่จนกลายเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ด้วยการรวบรวมกำลังทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นจุดศูนย์รวมการอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีบรรพชนและหลักปรัชญาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาตั้งรกรากในจังหวัดอุดรธานีตั้งแต่เมื่อ 120 ปีก่อน รอบๆ ศาลเจ้าปู่ –ย่า และศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน เป็น “สวนคุณธรรมพันปี 24 กตัญญู” ท่ามกลางแมกไม้มงคล และบรรยากาศของสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 19.00 น.

พิกัด GPS : 17°24'01.4"N 102°48'24.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลเจ้าปู่ - ย่า ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=432


6. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

 

             อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท (Phu Prabhat Historical Park) ตั้งอยู่บนเขา “ภูพระบาท” ภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งของเทือกเขาภูพาน นอกจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขาแห่งนี้แล้ว ยังมีเสาหินและเพิงหินขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติที่กัดเซาะมาเป็นเวลาหลายล้านปีกระจายตัวอยู่ทั่วไป เกิดเป็นสภาพภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตา และได้รับการเรียกขานชื่อต่างกันไปตามลักษณะรูปทรง เชื่อมโยงกับตำนานเรื่องเล่าของคนสมัยก่อน โดยหินที่มีลักษณะโดดเด่นและมีชื่อเสียงมากที่สุดคือ “หอนางอุสา” ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีลักษณะเป็นเพิงหินขนาดใหญ่ ความสูง 10 เมตร รูปร่างคล้ายดอกเห็ด ตั้งอยู่กลางลานหินโล่งกว้างทำให้ดูโดดเด่นกว่าหินจุดอื่นๆ นอกจากนี้ตามเพิงหินบางเพิงภายในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทยังมีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และพระพุทธรูปโบราณประดิษฐานอยู่

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น.

พิกัด GPS : 17°43'50.9"N 102°21'27.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=434 


7. วัดพระพุทธบาทบัวบก

 

             วัดพระพุทธบาทบัวบก (Wat Phra Phutthabat Bua Bok) ตั้งอยู่บนเนื้อที่ครอบคลุม 2,500 ไร่ ที่ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี วัดแห่งนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2460 เดิมชื่อวัดพระบาทภูกู่เวียง หรือวัดกู่เวียง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยทวารวดีก่อนที่จะได้รับการบูรณะในภายหลัง ภายในวัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญคือเจดีย์ครอบรอยพระพุทธบาทบัวบกที่งดงามและทรงคุณค่า มีตำนานเล่าขานว่า พระสงฆ์รูปหนึ่งได้เกิดนิมิตอัศจรรย์เห็นพระบรมสารีริกธาตุสีขาวในอุโมงค์ในพื้นที่วัด จึงชักชวนชาวบ้านรื้ออุโมงค์นั้นออก แล้วสร้างเจดีย์ครอบไว้แทนพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีโบสถ์หรือสิมก่ออิฐถือปูน สร้างต่อจากเพิงหินซึ่งได้ใช้วางพระพุทธรูปบูชาไว้ในอดีต บริเวณใกล้เคียงกับวัดพระพุทธบาทบัวบกมีเพิงหินขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติที่กัดเซาะมาเป็นเวลาหลายล้านปีกระจายตัวอยู่ทั่วไป

เวลาเปิด - ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 19.00 น.

พิกัด GPS : 17°43'15.3"N 102°21'37.0"E 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระพุทธบาทบัวบก ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=412


8. วัดภูทองเทพนิมิต

 

             วัดภูทองเทพนิมิต (Wat Phu Thong Thep Nimit)  ตั้งอยู่บ้านโนนเชียงคำ ต.ทับกรุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี เดิมวัดแห่งนี้เป็นสำนักสงฆ์ ก่อตั้งราวปี พ.ศ. 2509 ต่อมาพระอาจารย์ถาวร ปัญญาวโร  รักษาการเจ้าอาวาสได้ตั้งชื่อว่า “วัดเทพนิมิตสถิตธาวาส” และ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดภูทองเทพนิมิตร ในราวปีพ.ศ. 2523 และใช้มาจนถึงปัจจุบัน วัดภูทองเทพนิมิต มีเอกลักษณ์สำคัญคือ “พระพุทธชัยมงคลมหาชนอภิปูชนีย์” หรือหลวงพ่อทันใจ ปางมารวิชัย องค์สีขาว ขนาดหน้าตักกว้าง 12 เมตร สูง 17 เมตร ถือเป็นหลวงพ่อทันใจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่บนภูเขา สามารถมองเห็นเด่นชัดแต่ไกล โดยชั้นล่างใต้ฐานองค์พระนั้นเป็นห้องกว้าง สามารถเข้าไปนั่งหรือกราบพระด้านในได้ รอบๆ มีระฆังแขวนไว้ให้เคาะเพื่อความเป็นสิริมงคล บรรยากาศด้านบนองค์พระนั้นสงบและสวยงาม โดยเฉพาะตอนเช้าหรือก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เป็นช่วงเวลาที่สามารถเก็บภาพสวยๆ ได้จากวัดแห่งนี้

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

พิกัด GPS : 17°12'24.9"N 102°44'48.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดภูทองเทพนิมิต ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=414


9. วัดโพธิสมภรณ์

 

             วัดโพธิสมภรณ์ (Wat Phothisomphon) ตั้งอยู่ที่ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ เนติโพธิ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ได้ชักชวนราษฎรในหมู่บ้านหมากแข้งให้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้น เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวอุดรให้ความนับถือ มีสถาปัตยกรรมเจดีย์พิพิธภัณฑ์ทรง 8 เหลี่ยมที่งามสง่าและเป็นเอกลักษณ์ วัดโพธิสมภรณ์ถือเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ทางพุทธศาสนาที่เจริญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในวัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญ 5 สิ่ง ได้แก่ พระพุทธรูปทองสำริด พระพุทธรูปศิลาแลง ต้นพระศรีมหาโพธิ์ รอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ เป็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์ 3 ชั้น

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 20.00 น.   

พิกัด GPS : 17°24'49.2"N 102°46'42.9"E  

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดโพธิสมภรณ์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=413


10. ชุมชนบ้านเชียง

 

             ชุมชนบ้านเชียง (Ban Chiang Heritage) อ.หนองหาน จ.อุดรธานี แหล่งอารยะธรรม 5,000 ปีที่ยังคงปรากฏร่องรอยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานของการทำเกษตรกรรม แหล่งผลิตและการใช้โลหะในภูมิภาคในยุคกว่า 5,000 ปีที่แล้ว ถ่ายทอดส่งต่อให้ผู้คนยุคปัจจุบันได้เรียนรู้และพัฒนาต่อยอด ผ่าน “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง” ที่จัดแสดงความเป็นมาและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของบ้านเชียงในยุคหลายพันปีก่อน ซึ่งร่องรอยหลักฐานที่ค้นพบที่บ้านเชียงแสดงให้เห็นขั้นตอนสำคัญของวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ด้วยความสำคัญนี้เองทำให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี พ.ศ. 2535

เวลาเปิด - ปิด : เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 08.00 - 16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์

พิกัด GPS : 17°24'27.7"N 103°14'18.1"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชุมชนบ้านเชียง ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=411


11. วัดป่าภูก้อน

 

             วัดป่าภูก้อน (Wat Pa Phu Kon) ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ในพื้นที่ของบ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง เป็นพุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของป่าเขาของจังหวัดอุดรธานี มีพระวิหารขนาดใหญ่ที่มีความงดงาม สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์  ภายในพระวิหารตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา แฝงไปด้วยเรื่องราวคำสอนของพระพุทธเจ้า รอบผนังตกแต่งเป็นภาพปั้นนูนต่ำหล่อด้วยทองแดงจำนวน 22 ช่อง แสดงเรื่องราวพุทธประวัติและภาพทศชาติ และภายในพระวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปหินอ่อนขาวปางปรินิพพาน และพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา แม้ว่าวัดป่าภูก้อนจะสร้างขึ้นได้ไม่นานแต่ที่นี่ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของชาวอีสาน

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 17°55'21.4"N 102°07'07.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดป่าภูก้อน ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=477


12. วัดภูตะเภาทอง

 

             วัดภูตะเภาทอง (Wat Phu Taphao Thong) ตั้งอยู่อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี มีจุดเด่นคือพญานาคราชสีทองนามว่า “มุจลินท์” ที่มีความงดงามและศักดิ์สิทธิ์ โดยเจ้าอาวาสได้สร้างขึ้นตามนิมิตเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่บริเวณวัดซึ่งเป็นที่อยู่ของพญานาค พื้นที่บริเวณรอบๆ วัดภูตะเภาทองส่วนมากเป็นลานหิน มีก้อนหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตามากกว่า 30 ลูก นักวิชาการสันนิษฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้เดิมเคยเป็นทะเลมาก่อน ต่อมาเกิดการยกตัวขึ้นเป็นลานหินและพื้นดินดังเช่นที่ปรากฏให้เห็น สำหรับหินก้อนที่โดดเด่นที่สุดคือ หิน “เรือสำเภา” ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากได้มาลอดใต้ท้องหินจะได้รับสิริมงคลและประสบโชคดีคล้ายกับการลอดท้องช้าง ข้างหินก้อนนี้ยังปรากฏรอยฝ่ามือแดงอยู่อายุประมาณ 2,500 ปี มีอายุใกล้เคียงกับภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 17°01'57.1"N 102°39'51.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดภูตะเภาทอง ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=758


13. คำชะโนด

 

             คำชะโนด (Kam Cha Nod) หรือ “วังนาคินทร์” อยู่ที่วัดศิริสุทโธ ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี  เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและศาสนาของจังหวัดอุดรธานี คำชะโนดมีลักษณะเป็นเกาะน้ำจืดที่เต็มไปด้วย “ต้นชะโนด” ซึ่งเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเมืองบาดาลของพญานาค บนเกาะคำชะโนดมีไฮไลต์สำคัญ คือ “ศาลของเจ้าปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าศรีปทุมมา” (พ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา) สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของที่นี่ โดยในแต่ละวันจะมีคนเดินทางมากราบไหว้เจ้าปู่และเจ้าย่ากันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีต้นมะเดื่อยักษ์ อายุนับ 100 ปี ที่เชื่อกันว่าเป็นขุมทรัพย์ของเจ้าปู่-เจ้าย่า และ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ “บ่อคำชะโนด” ที่เชื่อกันว่าเป็นทางเข้า-ออก ระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ของเหล่าพญานาค

เวลาเปิด - ปิด : เปิดทุกวัน 07.00 – 17.00 น. 

พิกัด GPS : 17°44'42.3"N 103°21'38.5"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คำชะโนด ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=757
 

ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : 

- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ

  www.accuweather.com

- ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี

  https://udonthani.mots.go.th

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

  https://thai.tourismthailand.org/ 

- บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) 

  http://www.busticket.in.th , http://www.thairoute.com 

- สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)


แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศไทย

Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
 

แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศไทย

- Google Map​ สามารถดาวน์โหลดได้ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ