- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย
- อ่าน (11,144)
- ByWebmaster
- 11:27:07 | 21 ส.ค. 2564
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย
Bang Rachan Memorial Park, Sing Buri, Thailand
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน (Bang Rachan Memorial Park) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าและรักษาบ้านเมืองไว้ได้ และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมศึกษา
ประวัติ
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 115 ไร่ภายในบริเวณอุทยานค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีลักษณะเป็นสวนรุกชาติ บรรยากาศร่มรื่นสวยงาม โดดเด่นด้วยอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเป็นรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 คน ได้แก่ พระอาจารย์ธรรมโชติ ขันสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจัน หนวดเขี้ยว นายทอง แสงใหญ่ นายแทน นายโชติ และนายทองแก้ว สร้างโดยกรมศิลปากร โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าและรักษาบ้านเมืองไว้ได้เป็นเวลานานก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อปีพ.ศ.2310
ค่ายบางระจันมีความสำคัญยิ่งต่อประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยในขณะที่กรุงศรีอยุธยาถูกพม่าล้อมในพ.ศ.2307 นั้น เนเมียว สีหบดี แม่ทัพพม่า ได้ส่งทหารออกไปปล้นทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คน หาหนทางทำลายกำลังข้าศึกอยู่ที่ "บ้านบางระจัน" ซึ่งเป็นชัยภูมิที่ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ขณะเดียวกันชาวบ้านบางระจันก็ได้จัดเตรียมอาวุธ และฝึกกำลังไว้ต่อต้าน โดยมีบุคคลสำคัญคือ พระอาจารย์ธรรมโชติ ขันสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจัน หนวดเขี้ยว นายทอง แสงใหญ่ นายแทน นายโชติ และนายทองแก้ว ซึ่งรวบรวมกำลังคนได้กว่า 400 คน ช่วยกันสร้างบ้านบางระจันขึ้นเพื่อให้เป็นค่ายไว้ต่อสู้ข้าศึก
ฝ่ายพม่าที่อยู่เขตเมืองวิเศษไชยชาญเมื่อทราบข่าวก็ส่งกำลังมาปราบปราม ทว่าถูกชาวบ้านบางระจันต่อสู้จนแตกพ่ายไป ชัยชนะของชาวบ้านบางระจันครั้งนี้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ราษฎรที่หลบซ่อนตัวอยู่ ต่างก็พากันสมัครเข้าเป็นพรรคพวกจำนวนมาก จนสามารถแบ่งกำลังคนเป็นหมวดหมู่ได้อย่างกองทัพแม้ว่ายังขาดอาวุธปืน ต่อมาเนเมียว สีหบดี แม่ทัพพม่า ได้ส่งกำลังทัพใหญ่ประมาณ 1,000 คน มาปราบปราม ชาวบ้านบางระจันจึงได้จัดเตรียมการสู้รบแบบกองทัพ โดยให้นายแท่น แม่ทัพที่คุมพลอยู่กลาง 200 คน นายทองเหม็นคุมพล 200 คนอยู่ปีกขวา และพันเรือง คุมพล 200 คนอยู่ทางปีกซ้าย ได้ทำการต่อสู้รบกันจนกระทั่งพม่าถูกตีแตกพ่ายทัพกลับไป
ภายหลังแม่ทัพพม่าได้ส่งกองทัพมาอีกหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ถูกตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง โดยครั้งสุดท้ายพม่าใช้ให้สุกี้ชาวมอญซึ่งมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศเป็นอย่างดี เป็นผู้นำกองทัพพม่าออกไปต่อสู้กับชาวบ้านบางระจัน โดยสุกี้ได้นำกองทัพพม่ามาตั้งค่ายประจันหน้ากับค่ายบางระจัน ทั้งสองฝ่ายทำการสู้รบกันอย่างเข้มแข็ง ทว่าฝ่ายไทยขาดอาวุธปืนจึงอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ และพ่ายแพ้ในที่สุดเมื่อวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพของพม่า แต่ก็กล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าชาวบ้านบางระจันที่มีกำลังพลเพียงน้อยนิดนั้นได้ทำหน้าที่ต้านทานกองทัพเอาไว้ได้อย่างสุดกำลังเป็นเวลานาน
ค่ายบางระจันในปัจจุบันนั้น ได้สร้างจำลองขึ้นโดยอาศัยรูปแบบค่ายในสมัยโบราณ และภายในบริเวณยังมีอาคารศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ 3 ห้อง ได้แก่ 1. ห้องแสดงเรื่องค่ายบางระจัน เครื่องใช้โบราณ แหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย หนังใหญ่ 2. ห้องจัดแสดงมรดกเมืองสิงห์บุรี 3. ห้องแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองสิงห์บุรีและของดีเมืองสิงห์บุรี
บริเวณทางเข้าสู่อนุสาวรีย์
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันอันโดดเด่น
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเป็นรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 คน
พิธีเปิดอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันมีขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานค่ายบางระจัน
สถาปัตยกรรมไทยภายในอุทยานค่ายบางระจัน
การเดินทางไปจังหวัดสิงห์บุรี
- รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสิงห์บุรี มีระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที
การเดินทางไปอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ที่ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน ห่างจากตัวจังหวัดสิงห์บุรี 17 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 20 นาที
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 18.45 น.
อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจันที่ช่วยต่อต้านทัพพม่าและรักษาบ้านเมืองไว้ได้เป็นเวลานานก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.2310
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน
ชมรูปหล่อประติมากรรมของหัวหน้าชาวค่ายบางระจันทั้ง 11 นาย และรื่นรมย์กับบรรยากาศร่มรื่นของสวนรุกชาติภายในบริเวณอุทยานค่ายบางระจัน
ด้านหน้าอนุสาวรีย์มีกระถางปักธูปสำหรับผู้มากราบสักการะ
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
สามารถเที่ยวได้ตลอดปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย
(Bang Rachan Memorial Park, Sing Buri, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 18.45 น.
ตั้งอยู่ที่ : อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ที่ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
โทรศัพท์ : (+66) 087 589 4033
เว็บไซต์ : -
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี http://www.singburi.go.th/_2017/frontpage
ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดสิงห์บุรี https://www.dlt.go.th/site/singburi
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย
อ่านต่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ
อ่านต่อน้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง
อ่านต่อตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย
อ่านต่อตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้
อ่านต่อวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967
อ่านต่อวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย
อ่านต่อ10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อหอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อ่านต่อพาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา (Pasaan, The Headwaters of the Chao Phraya River Symbol Building) ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำปิง วัง ยม น่านมาบรรจบกันและก่อกำเนิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา พาสานถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนครสวรรค์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม เดินเล่น ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน และถ่ายภาพความสวยงามของอาคารและทิวทัศน์แม่น้ำโดยรอบกันอย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อ