พระบรมราชานุสาวรีย์ ๔ ยุคสมัย ช่วงประวัติศาสตร์แห่งภาษา เอกราช และความศิวิไลซ์

  • อ่าน (1,062)
  • ByWebmaster
  • 09:47:39 | 19 ส.ค. 2565

พระบรมราชานุสาวรีย์ ๔ ยุคสมัย

ช่วงประวัติศาสตร์แห่งภาษา เอกราช และความศิวิไลซ์

 

             ชาติไทยของเรานั้นกว่าจะมาเป็นชาติและแผ่นดินที่เป็นปึกแผ่นอย่างทุกวันนี้นั้นผ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย โดยเฉพาะในช่วงประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุคสมัยต่างๆ วันนี้ทาง Palanla จึงขอนำทุกท่านรำลึกถึงประวัติศาตร์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของแต่ละยุคสมัยผ่านทางการท่องเที่ยวพระบรมราชานุสาวรีย์สี่แห่งที่เป็นตัวแทนจากยุคต่างๆ โดยเริ่มจากยุคกรุงสุโขทัย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัย, ยุคกรุงศรีอยุธยา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ยุคกรุงธนบุรี ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงเทพฯ ฝั่งธน และยุครัตนโกสินทร์ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 กรุงเทพฯ ฝั่งพระนคร

 
แผนที่ พระบรมราชานุสาวรีย์ที่เป็นตัวแทนของสี่ยุคสมัย เรียงลำดับจากสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์


1. พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัย

 

             พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (King Ramkhamhaeng Monument) ตั้งอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีลักษณะเป็นพระบรมรูปที่หล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าขององค์จริง มีความสูง 3 เมตร อยู่ในอิริยาบทประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ ลักษณะพระพักตร์ใช้ศิลปะเดียวกันกับพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น บริเวณใกล้กับแท่นฐานเยื้องไปทางด้านหลังประดับด้วยภาพแผ่นจำหลักนูนฝั่งละสองภาพ รวมสี่ภาพ ซึ่งเป็นภาพที่แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระกรณียกิจของพระองค์และเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยสุโขทัย โดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนั้นทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 3 ในราชวงศ์พระร่วง ขึ้นครองราชย์ประมาณปี พ.ศ. 1822 ถึง พ.ศ. 1842 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้รับการยกย่องด้วยการต่อท้ายพระนามด้วยคำว่า "มหาราช" เนื่องจากทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน โดยพระราชกรณียกิจที่เป็นที่รู้จักไปทั่วคือการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย การจารึกเหตุการณ์บ้านเมืองในยุคนั้นลงบนศิลาจารึก การให้ประชาชนค้าขายได้อย่างเสรี การเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนและล้านนา และการรวบรวมอาณาจักรต่างๆ ในสมัยนั้นให้เป็นหนึ่งเดียว ทางกรมศิลปากรจึงได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งนี้ขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ไปยัง พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีระยะทางประมาณ 442 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:30 น. – 19:30 น.

พิกัด GPS : 17°01'11.8"N 99°42'16.9"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=1038


2. พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

             พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (The King Naresuan The Great Monument) ตั้งอยู่ที่ทุ่งภูเขาทอง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราชธานีเก่าอีกแห่งหนึ่งของสยามประเทศ อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 1,075 ไร่ ภายในบริเวณประกอบด้วยสวนสาธารณะ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และพื้นที่จัดกิจกรรม พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีลักษณะเป็นพระรูปทรงม้าศึกที่จำลองเหตุการณ์ขณะทรงม้าออกรบและสังหาร “ลักไวทำมู” ทหารเอกของพระเจ้าหงสาวดี พระบรมรูปประดิษฐานอยู่บนแท่นฐานที่ตั้งอยู่บนลานหินสีขาว พร้อมเครื่องราชูปโภคสี่อย่าง ได้แก่ พระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง พระแสงดาบคาบค่าย พระแสงแสนพลพ่าย และพระมาลาเบี่ยง ภายในบริเวณมีรูปปั้นไก่หลากหลายขนาดประดับตกแต่งอยู่ เนื่องจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงโปรดไก่ชน ประชาชนจึงนิยมนำรูปปั้นไก่มาถวายเพื่อแก้บนเมื่อสักการะขอพรได้สมดั่งใจหมาย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ "พระองค์ดำ" เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชและพระวิสุทธิกษัตรีย์ มีพระเชษฐภคินีคือพระสุพรรณกัลยา มีพระอนุชาคือสมเด็จพระเอกาทศรถ ขณะที่ยังทรงพระเยาว์ ทรงใช้ชีวิตอยู่ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก จนกระทั่งพระเจ้าบุเรงนองยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลกในสงครามช้างเผือก และได้เมืองพิษณุโลกกับอยุธยาไปเป็นประเทศราชของพม่า จากนั้นพระเจ้าบุเรงนองทรงขอพระสุพรรณกัลยาและพระนเรศวรไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดี ทำให้พระองค์ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา โดยประทับอยู่กรุงหงสาวดี 8 ปี และได้เสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาในปีพ.ศ. 2115 เมื่อพระชนมายุ 17 พรรษา โดยกลับมาดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราชไปปกครองเมืองพิษณุโลก ในช่วงนั้นเองที่ทรงเตรียมการกอบกู้เอกราชของกรุงศรีอยุธยา และได้แสดงพระปรีชาสามารถในการออกรบอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งสามารถชนะศึกและประกาศอิสรภาพให้กับกรุงศรีอยุธยาได้ในที่สุด พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133

             โดยศึกสงครามในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งของชาติ จึงได้มีการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ไว้ที่บริเวณนี้เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงมหาวีรกรรมในครั้งนั้น

การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ไปยัง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00 น. – 20:00 น.

พิกัด GPS : 14°22'19.5"N 100°32'30.4"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=255


3. พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงเทพฯ

 

             พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (King Taksin the Great  Monument) ประดิษฐานอยู่บริเวณวงเวียนใหญ่ มีลักษณะเป็นพระบรมรูปทรงม้า พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ มีความสูงจากเท้าม้าถึงยอดพระมาลา 9 เมตร ฐานอนุสาวรีย์เป็นแท่นคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 8.90 เมตร กว้าง 1.80 เมตร ยาว 3.90 เมตร สองด้านของแท่นฐานมีภาพจำหลักนูนที่แสดงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อยู่ด้วยกัน 4 ภาพ ได้แก่ ภาพขณะประชาชนกำลังอยู่ในอาการโศกเศร้าหมดหวังเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ภาพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเกลี้ยกล่อมให้ประชาชนรวมกำลังกันต่อสู้กู้อิสรภาพ ภาพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงต่อสู้กับข้าศึก และภาพประชาชนมีความสุขที่กอบกู้อิสรภาพได้สำเร็จ บริเวณด้านหน้ายังมีแผ่นจารึกดวงฤกษ์และข้อความเทิดพระเกียรติอยู่อีกด้วย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มีพระนามเดิมว่า สิน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรธนบุรี และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของกรุงธนบุรี ก่อนกอบกู้เอกราชพระองค์เป็นนายทหารในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาเมื่อเกิดการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองขึ้น พระองค์ทรงเป็นผู้นำทัพขับไล่ทหารพม่าที่ยึดครองกรุงศรีอยุธยาอยู่ในเวลานั้นออกไป และทำการย้ายราชธานีไปยังกรุงธนบุรีแล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ หลังสงครามพระองค์ทรงฟื้นฟูราชอาณาจักรให้กลับสู่สภาวะปกติ ให้ประชาชนได้มีความร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ ศาสนา การศึกษา และศิลปวัฒนธรรมอีกด้วยพระองค์ทรงเป็นหนึ่งในวีรกษัตริย์ของชาติไทยที่มีพระปรีชาสามารถ ทางรัฐบาลจึงมีการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ที่ทรงกอบกู้เอกราชจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ได้สำเร็จจนเป็นที่จดจำมาจนทุกวันนี้ และได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" อีกด้วย

การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยัง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 13°43'34.7"N 100°29'35.1"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=228


4. พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 กรุงเทพฯ

 

             พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 (King Rama I Monument) ประดิษฐานอยู่ ณ เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ หรือ สะพานพุทธฯ พระบรมรูปได้รับการออกแบบโดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ เป็นพระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ ในอิริยาบทประทับนั่งเหนือพระราชบัลลังก์ โดยได้ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี แห่งมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นผู้ปั้นและหล่อด้วยทองสำริด มีความสูงตั้งแต่ฐานไปถึงยอด 4.60 เมตร ต่อมาได้มีการเสริมแท่นสูงขึ้นไปอีกประมาณ 1 เมตร บริเวณฐานมีความกว้าง 2.30 เมตร เบื้องหน้ามีเครื่องบูชา พุ่มดอกไม้ พานเครื่องประดับ และมีน้ำพุอยู่ทั้ง 2 ข้าง บริเวณหน้าฐานเป็นรั้วคอนกรีตเสากลม ตอนกลางรั้วเป็นแผ่นหินอ่อนลวดลายไทย บริเวณกึ่งกลางแผ่นหินสลักเป็นตราปฐมบรมราชจักรีวงศ์อย่างงดงาม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ขณะมีพระชนมายุได้ 46 พรรษา เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ทางรัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ 6 เมษายนของทุกปีเป็นวันจักรี พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากจากกรุงธนบุรีที่เป็นราชธานีเดิมที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาหรือที่เรียกว่าฝั่งพระนครในปัจจุบัน จากนั้นโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ และโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเป็นผู้พระราชนามเต็มของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและอยุธยา และมีการตรากฎหมายตราสามดวงขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้บัญชาการรบในสงครามเก้าทัพอีกด้วย ด้วยพระปรีชาสามารถและพระกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ จึงมีการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้นเมื่อตอนจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อให้เป็นอนุสรณ์พระปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยัง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีระยะทางประมาณ 7.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที

เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 13°44'26.3"N 100°29'52.9"E

อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=225 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

คู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์

การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

อ่านต่อ

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย

อ่านต่อ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ

อ่านต่อ

น้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง

อ่านต่อ

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้

อ่านต่อ

วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967

อ่านต่อ

วัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย

อ่านต่อ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

หอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ