พระราชวังเว้ จังหวัดเถื่อเทียน เว้ ประเทศเวียดนาม

  • อ่าน (10,476)
  • By Webmaster
  • 10:38:26 | 21 ธ.ค. 2561

พระราชวังเว้ จังหวัดเถื่อเทียน เว้ ประเทศเวียดนาม

Imperial Citadel Hue, Thua Tien Hue, Vietnam

 

             พระราชวังเว้ (Imperial Citadel Hue) พระราชวังของเวียดนามที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้าม ที่ปักกิ่ง ทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรม สี สัญลักษณ์ และตัวอักษร

 


ประวัติ

             พระราชวังเว้ ตั้งอยู่ที่เมืองเว้ จังหวัด Thua Thien Hue พระราชวังเว้ได้รับอิทธิพลมาจากจีน เพราะเคยถูกจีนปกครองมาก่อนนานนับพันปี ความน่าสนใจของพระราชวังแห่งนี้คือเคยถูกฝรั่งเศสเผาในปี พ.ศ. 2488 ทำให้กลายเป็นวังร้าง และต่อมาในปีพ.ศ.2511 ก็ถูกสหรัฐทิ้งระเบิด เนื่องจากเป็นที่ซ่องสุมของคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้เข้ามาบูรณะและขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2536 พระราชวังเว้มีพื้นที่กว่า 5.2 ตารางกิโลเมตร และมีกำแพงสร้างล้อมรอบถึง 3 ชั้น ที่นี่จึงถูกเรียกชื่อในภาษาอังกฤษว่า Imperial Citadel “Imperial” หมายถึงจักรพรรดิ ส่วน “Citadel” คือป้อมปราการ

           ป้อมปราการชั้นที่ 1 คือ ป้อมปราการเมืองหลวงเว้ (Kinh Thah Hue) กำแพงด้านนอกสุดสร้างด้วยหิน อิฐ และดิน สูง 8 เมตร หนา 20 เมตร ยาว 10 กิโลเมตร มีทางเข้า 10 ทาง และมีป้อมระวังภัย 24 ป้อม ล้อมรอบด้วยคูน้ำอีกหนึ่งชั้น ตรงกำแพงด้านใต้ที่หันหน้าเห็นแม่น้ำคือหอธงขนาดใหญ่ สูงเด่น มองเห็นได้จากทุกมุมของเมือง

           ป้อมปราการชั้นที่ 2 คือ ป้อมปราการหลวง (Hoang Thanh) สูง 6 เมตร สำหรับป้องกันพื้นที่ขนาดเล็กกว่า ล้อมรอบพระราชฐาน วัง วัด และอุทยาน สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการชมจะอยู่ในเขตกำแพงชั้นในนี้ สิ่งก่อสร้างที่สร้างในบริเวณกำแพงชั้นนี้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าซาลอง โดยสร้างเลียนแบบพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง ประตูทางเข้าทั้งสี่ทิศตกแต่งอย่างงดงาม ด้านบนประตูมีหอคอยห้าปักษาวายุภักษ์ (เหลิ่วงู้ฟุ่ง) หลังคาตกแต่งด้วยกระเบื้องสีสันสดใส ตรงกลางใช้สีเหลือง ด้านข้างใช้สีเขียว เคยถูกใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิเมื่อเสด็จมาประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในอดีตที่ประตูทางทิศใต้ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายขายตั๋ว ถูกใช้เป็นทางเข้าออกสำหรับกษัตริย์เท่านั้น ปัจจุบันประตูเมืองทั้งสี่ประตูเปิดให้ประชาชนสามารถสัญจร

           ป้อมปราการชั้นที่ 3 คือ ป้อมปราการต้องห้าม (Tu Cam Thanh) ภายในกำแพงเป็นที่ประทับของกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ ในราชวงศ์เหงียนและครอบครัว


สังเกตว่าด้านบนของป้อมปราการจะมีหอคอยที่ในอดีตใช้สอดส่องข้าศึกอยู่


ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจพระราชวังเว้เป็นจำนวนมาก


สวนขนาดย่อมตรงกลางที่ตัดแต่งอย่างสวยงาม


ดอกไม้ที่เบ่งบานขับให้บรรยากาศโดยรวมภายในพระราชวังดูอ่อนโยนและรื่นรมย์ยิ่งขึ้นไปอีก


ท้องพระโรง อีกหนึ่งมุมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป


การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปดานัง

           Imperial Citadel Hue ตั้งอยู่ในจังหวัดเถื่อเทียน เว้ (Thua Thien Hue) ทางภาคกลางของเวียดนาม ซึ่งนักท่องเที่ยวจากไทยส่วนใหญ่นิยมนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Da Nang International Airport ในจังหวัดดานัง จากนั้นจึงเดินทางโดยรถยนต์ต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเวียดนามกลาง จากกรุงเทพฯ ไปดานัง นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศบินไปลงที่ดานังได้โดยตรง มีสายการบินที่ให้บริการทั้งจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เที่ยวบินตรงใช้เวลาประมาณ 1.25 ชั่วโมง


การเดินทางไป
Imperial Citadel Hue

              จากท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ไปยัง Imperial Citadel มีระยะทาง 94.7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยใช้ถนนสาย Duong Nguyen Tat Thanh ไปทาง Nguyen Luong Bang/QL1A มุ่งไป Hoa Hiep Nam จากนั้นตาม QL1A ไปทาง Nguyen Tat Thanh มุ่งไป tt. Phu Bai, Thi xa Huong Thuy แล้วเดินทางต่อไปบน Nguyen Tat Thanh ขับไปทาง Cua Ngan/DT8B มุ่งไป Thanh pho Hue

            วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางไปยัง Imperial Citadel Hue คือการนั่งรถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่ หรือซื้อทัวร์


เวลาทำการเปิด
– ปิด

           08:00 – 17:00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันพฤหัสบดี ขยายเวลาถึง 22 น.


ช่วงวันหยุดปริมาณนักท่องเที่ยวอาจจะหนาตาเป็นพิเศษ


บรรยากาศความสดชื่นเขียวขจีช่วงฤดูฝน


มีรถคล้ายๆ รถกอล์ฟขับให้บริการนักท่องเที่ยวรอบๆ พระราชวัง 


อัตราค่าเข้าชม

           150,000 VND


ตัวอาคารสีเหลือง เอกลักษณ์ของความเป็นเว้


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว
Imperial Citadel Hue

           พระตำหนักไท่ฮัว หรือไทฮวา (Thai Hoa Palace) เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของการมาเที่ยว Imperial Citadel บริเวณด้านหน้าจะเป็นลานโล่งเพื่อให้จอหงวนยืนเข้าเฝ้ากษัตริย์ตามตำแหน่ง ใบเสมาหน้าพระราชวังคือหลักศิลาที่สลักตำแหน่งของจอหงวนแต่ละคนไว้ เพื่อให้ยืนตรงตำแหน่งและเป็นระเบียบเวลาเข้าเฝ้า ส่วนภายในเป็นโถงกว้างจะมีบัลลังก์ตั้งอยู่ โดยในอดีตจะมีจอหงวนที่เก่งที่สุดเพียง 4 คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ยืนอยู่รอบบัลลังก์นี้


พระตำหนักไท่ฮัว หรือไทฮวาเป็นสถานที่สำคัญที่องค์จักรพรรดิจะออกว่าการทุกสองสัปดาห์ 


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           ตลอดทั้งปี


นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่หอบูชาขุนนาง


สถาปัตยกรรมอันงดงามวิจิตร มีสีเหลืองเป็นสีหลัก


ซุ้มทางเดินเชื่อมมีหลังคาและตกแต่งสวยงาม


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

           ระหว่างประตูทิศใต้กับกับกำแพงใหญ่ตรงหอธง มีปืนใหญ่เก้าทัพตั้งเรียงอยู่ 9 กระบอก โดยแต่ละกระบอกนั้นมีน้ำหนักถึง 10 ตัน ห้ากระบอกทางด้านซ้ายเป็นตัวแทนของธาตุทั้งห้า ได้แก่ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ และดิน ส่วนอีกสี่กระบอกทางด้านขวาเป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้งสี่


           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม พระราชวังเว้ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       พระราชวังเว้ จังหวัดเถื่อเทียน เว้ ประเทศเวียดนาม

                       (Imperial Citadel Hue, Thua Tien Hue Province, Vietnam)

                       ระดับความนิยม : 

                       เวลาเปิด – ปิด : 8.00 – 17:00 น.

                       อัตราค่าเข้าชม : 150,000 VND

                       ตั้งอยู่ที่ : จังหวัดเถื่อเทียน เว้ ประเทศเวียดนาม

                       โทรศัพท์ : (+84)234 382 2355

                       เว็บไซต์ : http://www.vietnamtourism.com/en/index.php/tourism/items/455

                       ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com

                                       ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดเถื่อเทียน เว้ https://www.visithue.vn

                                       ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม https://www.vietnamtourism.com

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย

หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!

อ่านต่อ

เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

อ่านต่อ

ฮาจิโกะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ฮาจิโกะ (Hachiko) คือ รูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่ไปรอรับเจ้าของที่สถานีชิบูย่าทุกวัน แม้เจ้าของจะจากไปแล้ว มันก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิมเวลาเดิมเป็นเวลานานถึง 10 ปีเต็ม ความประทับใจของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อสุนัขตัวนี้ กลายมาเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นจุดนัดพบสำคัญและเป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดของชิบูย่า

อ่านต่อ

นิเซโกะ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

นิเซโกะ (Niseko) เมืองสกีรีสอร์ทยอดนิยมของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนภูเขานิเซโกะ-อันนูปูริ (Niseko - Annupuri) ซึ่งมีความสูงถึง 1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นับเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบรรดาเทือกเขานิเซโกะ นิเซโกะขึ้นชื่อในเรืองของหิมะที่มีผงนุ่ม ละเอียด เหมือนฝุ่นแป้งและเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี

อ่านต่อ

หมู่บ้านน้ำอูเจิ้น เมืองถงเซียง มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

หมู่บ้านน้ำอูเจิ้น (Wuzhen Water Town) ฉายา "เวนิสแห่งตะวันออก" เป็นเมืองโบราณอายุกว่า 7,000 ปีที่เหมือนย้อนเวลาพากลับไปในอดีต ด้วยบ้านเรือนบรรยากาศแบบจีนโบราณ มีคลองน้ำล้อมรอบ สะพานหินทรงโค้ง และผู้คนที่ยังคงใช้เรือในการสัญจรไปมา

อ่านต่อ

วัดหลิงอิ่น เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

วัดหลิงอิ่น (Lingyin Temple) เป็นวัดพุทธโบราณอายุมากถึง 1,600 ปี โอบล้อมไปด้วยเนินเขาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุและงานแกะสลักทางพุทธศาสนามากมายที่มีประวัติยาวนาน เชื่อมโยมกับจุดกำเนิดของพระอรหันต์ “จี้กง” วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน

อ่านต่อ

ทะเลสาบซีหู เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

ทะเลสาบซีหู หรือ ทะเลสาบตะวันตก (Xi Hu West Lake) เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องความงามตามธรรมชาติ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และต้นกำเนิดตำนานความรักของนางพญางูขาวอันโด่งดัง

อ่านต่อ

ถนนเก่าเหอฟาง เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

ถนนเก่าเหอฟาง (Hefang Old Street) ถนนเก่าเหอฟาง ถนนอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคักของหางโจว ถนนเส้นนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตและสัมผัสเสน่ห์แบบดั้งเดิมของเมืองนี้ ได้ซึมซับกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และลิ้มรสอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ

อ่านต่อ

เจดีย์เหลยเฟิง เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda) สถาปัตยกรรมงามสง่าบนเนินเขา ริมทะเลสาบซีหู ในหางโจว ประเทศจีน สถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เชื่อมโยงกับตำนานนางพญางูขาว และมีความสวยงามจนได้รับการเรียกขานว่า “อาทิตย์อัสดงที่เหลยเฟิง”

อ่านต่อ

มิตซุย เอาท์เล็ต พาร์ค จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น

มิตซุย เอาท์เล็ต พาร์ค (Mitsui Outlet Park Kisarazu) เอาท์เล็ตขนาดใหญ่ บรรยากาศรีสอร์ตริมทะเล ในจังหวัดชิบะ เป็นสวรรค์ของคนรักการช้อปปิ้งที่สามารถเดินทางได้ง่ายๆ เพียง 45 นาทีจากโตเกียว

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ