โบสถ์ซานอะกุสติน มรดกโลกกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

  • อ่าน (5,111)
  • By Webmaster
  • 10:55:25 | 1 ต.ค. 2561

โบสถ์ซานอะกุสติน มรดกโลกกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

San Agustin Church, Manila, Philippines


โบสถ์ซานอะกุสติน โบสถ์ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก

             โบสถ์ซานอะกุสติน กรุงมะนิลา เป็นหนึ่งใน 4 โบสถ์บาโรกของฟิลิปปินส์ ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ใน ค.ศ.2003 โบสถ์เหล่านี้ยังเป็นหนึ่งในสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของประเทศ โดยโบสถ์อีก 3 แห่ง คือโบสถ์ซานตามาริอาจังหวัดอิโลโกสซูร์ โบสถ์ซานอากุสตินหรือโบสถ์ปาไวจังหวัดอิโลโกสนอร์เตและโบสถ์เมียกาโอจังหวัดอิโลอิโล


แผนที่ตั้งของเมืองหลวงมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์

ประวัติและความเป็นมา


รูปปั้นแสดงความระลึกถึงภายในพิพิธภัณฑ์

           โบสถ์ซานอะกุสติน กรุงมะนิลา เป็นโบสถ์คาทอลิกแห่งแรกที่สร้างขึ้นบนเกาะลูซอน ทันทีที่สเปนมีชัยเหนือกรุงมะนิลา เป็นโบสถ์ในลัทธิอะกุสติน (ลัทธิของคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ตั้งชื่อตามนักบุญอะกุสตินแห่งฮิปโป ค.ศ.354 - ค.ศ.450) ซึ่งเป็นนิกายแรกที่ประกาศพระวจนะในประเทศฟิลิปปินส์


รูปปั้นภายในพิพิธภัณฑ์ของโบสถ์ซานอะกุสติน

           และยังเป็นหนึ่งในกลุ่มโบสถ์ 4 หลัง ตัวอย่างของศิลปะยุโรปผสมผสานเอกลักษณ์ฝีมือช่างประติมากรรมแบบจีนและฟิลิปปินส์ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ ค.ศ.1993 ตั้งอยู่ ณ อินทรามูรอส เมืองประวัติศาสตร์ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณภายในกรุงมะนิลาหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดของเมือง


ทางเดินเข้าสู่ตัวโบสถ์เพื่อทำพิธีต่างๆ

           โบสถ์ซานอะกุสตินสร้างขึ้นบนพื้นที่โบสถ์เก่าสองหลังที่ถูกไฟไหม้ทำลายลง นับเป็นตัวอย่างชั้นดีของสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโรก โดดเด่นด้วยการประดับประดาโครงสร้างอย่างวิจิตรตระการตา เน้นแสงเงาตัดกัน โดยปรับให้เข้ากับสภาพอากาศของฟิลิปปินส์


ตู้โชว์ของเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือศิลปกรรมต่างๆที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์


นักท่องเที่ยว ณ บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ซานอะกุสติน

           ปัจจุบันโบสถ์ซานอะกุสติน กรุงมะนิลา มีรายชื่อได้รับการขึ้นทะเบียนในโครงการด้วยทรงคุณค่าโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม ศิลปกรรม ประวัติศาสตร์ สิ่งแวดล้อมหรือชีววิทยา และได้รับความคุ้มครองภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรและเครื่องสืบทอดวัฒนธรรมร่วมกันของมนุษยชาติ


เรือสำเภาจำลองที่ตั้งโชว์อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ซานอะกุสติน

           ตัวโบสถ์ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 ในพื้นที่เดิม โบสถ์หลังแรกสร้างจากไม้ไผ่และใบจาก เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1571 แต่เกิดไฟไหม้เผาทำลายในเดือนธันวาคม ค.ศ.1574 โบสถ์หลังที่สองสร้างด้วยไม้อยู่บนพื้นที่เดิม และถูกทำลายลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1583 ด้วยไฟไหม้อีกครั้ง ต่อมาจึงมีการสร้างโบสถ์หลังที่สามด้วยหิน การก่อสร้างเริ่มใน ค.ศ.1586 และเสร็จสมบูรณ์เมื่อ 19 มกราคม ค.ศ.1607 ต่อมาโบสถ์แห่งนี้จึงได้กลายเป็นแม่แบบของโบสถ์อะกุสตินในประเทศฟิลิปปินส์

การเดินทางจากสนามบินนินอย(NAIA) ไปยังย่านอินทรามูรอส

           อินทรามูรอส ถูกยกย่องให้เป็นมรดกอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ใน ค.ศ.1600 มีลักษณะเป็นป้อมปราการ เป็นที่ตั้งของชุมชนและสถานที่สำคัญมากมาย จนกลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ย่านเมืองเก่าแห่งประวัติศาสตร์

 

             - รถแท็กซี่ สีเหลืองคือ แท็กซี่มิเตอร์ ราคาโดยประมาณ 300-500 PPH เริ่มกดมิเตอร์ตามความเป็นจริง สีขาวคือ แท็กซี่เหมา โดยราคาจะเป็นไปตามที่ผู้โดยสารและคนขับตกลงกัน

             ชัตเตอร์บัส จากสนามบิน จุดจอดรถบัสอยู่หน้าอาคาร เทอมินอล 3 เมื่อออกจากอาคารมา ทางด้านขวานักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการจากสนามบินเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ โดยมีระยะทาง 11.7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง และต้องต่อรถแท็กซี่เพื่อไปยังย่านอินทรามูรอสเพื่อเที่ยวชมโบสถ์ซานอะกุสติน

การเดินทางในย่านอินทรามูรอสไปยังโบสต์ซานอะกุสติน

 

             รถสามล้อ หากนักท่องเที่ยวต้องการเที่ยวโดยรอบย่านเก่าอินทรามูรอสพร้อมไกด์ จะอยู่ที่ราคา 900 PPH ต่อ 2 ชม. (ราคาปกติ 305 PPH ต่อ 30 นาที)

             - รถแท็กซี่ นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในย่านเก่าอินทรามูรอสได้ และเนื่องจากสถานที่แต่ละที่อยู่ไม่ห่างกันมาก อัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ประมาณ 100 PPH

เวลาทำการเปิด-ปิด

           โบสถ์ซานอะกุสติน เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ดังนี้

           วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 6.30 น. – 17.30 น.

           วันอาทิตย์           เวลา 8.00 น. – 11.00 น.


พื้นที่ภายในโบสถ์ซษนอะกุสตินที่ถูกประดับประดาไว้อย่างสวยงาม

           พิพิธภัณฑ์ซานอะกุสตินเปิดให้เข้าชมทั้งหมด 2 ช่วง แบ่งเป็น

                ช่วงเช้า 06.30 – 12.00 น.

                ช่วงบ่าย 13.00 – 18.00 น.


การตรึงกางเขนเป็นสัญลักษณ์สำคัญในคริสต์ศาสนา

           แนะนำว่านักท่องเที่ยวควรมาก่อนเวลา 16.00 น. เนื่องจากว่าด้านในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งให้ได้ตื่นตาตื่นใจอยู่มาก และควรมีเวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงโดยประมาณ

การซื้อบัตรเข้าชม


บริเวณด้านข้างของเขตพิพิธภัณฑ์ซานอะกุสติน จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับภาพถ่ายเก่าแก่

             ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้านในโบสถ์ซานอะกุสตินสามารถซื้อบัตรได้ที่ทางเข้าประตูพิพิธภัณฑ์ ราคาค่าเข้าชม สำหรับผู้ใหญ่ 200 เปโซ/คน และสำหรับเด็ก 160 เปโซ/คน

จุดท่องเที่ยวสำคัญ


นักท่องเที่ยวกำลังเดินชมรูปปั้นที่มีไว้เพื่อรำลึกถึงบุคคลสำคัญภายในพิพิธภัณฑ์ 

           พิพิธภัณฑ์ซานอะกุสตินซึ่งอยู่ภายในโบสถ์ซานอะกุสตินจัดแสดงเกี่ยวกับศาสนา ตั้งแต่ประวัติการมาเผยแผ่ศาสนาครั้งแรก รูปนักบุญ นักบวชคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาพวาด หรือรูปแกะสลักจากไม้ ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ของนักบวช ทั้งนี้ยังมีห้องสมุนไพรที่แสดงถึงการศึกษาพืชพื้นเมืองอีกด้วย

เวลาที่เหมาะสมสำหรับท่องเที่ยว


ส่วนหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ แสดงการตรึงไม้กางเขนเพื่อรำลึกถึงพระเยซูคริสต์

           เวลาที่ควรไปท่องเที่ยวมากที่สุดคือช่วง ปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากอุณหภูมิอบอุ่นในตอนกลางวันเหมาะสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งในเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายนอาจจะร้อนมาก เพราะเป็นฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 38 องศาเซลเซียส อาจส่งผลให้รู้สึกระคายเคืองต่อผิวหนังได้

ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้


ส่วนหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ซานอะกุสติน

           ลักษณะของศิลปกรรมมีองค์ประกอบแบบคลาสสิก ด้วยหน้าบันแบบสามเหลี่ยมที่รองรับด้วยเสาโครินเธียน(ชั้นบน) และไอโอนิก(ชั้นล่าง) ทั้งนี้ยังปรากฏหน้าต่างลวดลายดอกกุหลาบซึ่งเป็นองค์ประกอบแบบโกธิค แต่ปัจจุบันเหลือเพียงหอเดียวเนื่องจากภัยแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 19 นับเป็นตัวอย่างของศิลปะยุโรปผสมผสานเอกลักษณ์ฝีมือช่างประติมากรรมแบบจีนและฟิลิปปินส์


บริเวณทำพิธีต่างๆของโบสถ์ซานอะกุสติน

 

           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว โบสถ์ซานอะกุสติน สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       โบสถ์ซานอะกุสติน กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

                       (San Agustin Church, Manila, Philippines)

                       ระดับความนิยม

                       อัตราค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย

                       เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 06.30 – 18.00 น. โดยประมาณ

                       ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

                       สถานที่ตั้ง : ย่านเก่าเมืองโบราณอินทรามูรอส กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

                       ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : การพยากรณ์อากาศ www.accuweather.com

                                       การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ www.tourism.gov.ph

                                       ตรวจสอบเที่ยวรถไฟฟ้า https://dotcmrt3.gov.ph/

                                       ตรวจสอบเที่ยวบิน www.philippineairlines.com/en

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย

หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!

อ่านต่อ

เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

อ่านต่อ

ฮาจิโกะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ฮาจิโกะ (Hachiko) คือ รูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่ไปรอรับเจ้าของที่สถานีชิบูย่าทุกวัน แม้เจ้าของจะจากไปแล้ว มันก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิมเวลาเดิมเป็นเวลานานถึง 10 ปีเต็ม ความประทับใจของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อสุนัขตัวนี้ กลายมาเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นจุดนัดพบสำคัญและเป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดของชิบูย่า

อ่านต่อ

นิเซโกะ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

นิเซโกะ (Niseko) เมืองสกีรีสอร์ทยอดนิยมของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนภูเขานิเซโกะ-อันนูปูริ (Niseko - Annupuri) ซึ่งมีความสูงถึง 1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นับเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบรรดาเทือกเขานิเซโกะ นิเซโกะขึ้นชื่อในเรืองของหิมะที่มีผงนุ่ม ละเอียด เหมือนฝุ่นแป้งและเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี

อ่านต่อ

หมู่บ้านน้ำอูเจิ้น เมืองถงเซียง มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

หมู่บ้านน้ำอูเจิ้น (Wuzhen Water Town) ฉายา "เวนิสแห่งตะวันออก" เป็นเมืองโบราณอายุกว่า 7,000 ปีที่เหมือนย้อนเวลาพากลับไปในอดีต ด้วยบ้านเรือนบรรยากาศแบบจีนโบราณ มีคลองน้ำล้อมรอบ สะพานหินทรงโค้ง และผู้คนที่ยังคงใช้เรือในการสัญจรไปมา

อ่านต่อ

วัดหลิงอิ่น เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

วัดหลิงอิ่น (Lingyin Temple) เป็นวัดพุทธโบราณอายุมากถึง 1,600 ปี โอบล้อมไปด้วยเนินเขาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุและงานแกะสลักทางพุทธศาสนามากมายที่มีประวัติยาวนาน เชื่อมโยมกับจุดกำเนิดของพระอรหันต์ “จี้กง” วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน

อ่านต่อ

ทะเลสาบซีหู เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

ทะเลสาบซีหู หรือ ทะเลสาบตะวันตก (Xi Hu West Lake) เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องความงามตามธรรมชาติ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และต้นกำเนิดตำนานความรักของนางพญางูขาวอันโด่งดัง

อ่านต่อ

ถนนเก่าเหอฟาง เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

ถนนเก่าเหอฟาง (Hefang Old Street) ถนนเก่าเหอฟาง ถนนอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคักของหางโจว ถนนเส้นนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตและสัมผัสเสน่ห์แบบดั้งเดิมของเมืองนี้ ได้ซึมซับกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และลิ้มรสอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ

อ่านต่อ

เจดีย์เหลยเฟิง เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

เจดีย์เหลยเฟิง (Leifeng Pagoda) สถาปัตยกรรมงามสง่าบนเนินเขา ริมทะเลสาบซีหู ในหางโจว ประเทศจีน สถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เชื่อมโยงกับตำนานนางพญางูขาว และมีความสวยงามจนได้รับการเรียกขานว่า “อาทิตย์อัสดงที่เหลยเฟิง”

อ่านต่อ

มิตซุย เอาท์เล็ต พาร์ค จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น

มิตซุย เอาท์เล็ต พาร์ค (Mitsui Outlet Park Kisarazu) เอาท์เล็ตขนาดใหญ่ บรรยากาศรีสอร์ตริมทะเล ในจังหวัดชิบะ เป็นสวรรค์ของคนรักการช้อปปิ้งที่สามารถเดินทางได้ง่ายๆ เพียง 45 นาทีจากโตเกียว

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ