ภูเขาไฟอะโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น

  • อ่าน (11,417)
  • By Webmaster
  • 14:44:37 | 27 เม.ย. 2566

ภูเขาไฟอะโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น

Mt.Aso, Kumamoto, Japan

 

             ภูเขาไฟอะโสะ (Mt.Aso) พื้นที่ทางธรรมชาติขนาดใหญ่ในจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) แห่งนี้คืออีกหนึ่งความน่าอัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งแดนอาทิตอุทัย ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในแถบภูมิภาคคิวชู (Kyushu) กับลักษณะอันโดดเด่นคือเป็นกลุ่มภูเขาไฟที่มีความสูงมากที่สุดในโลก โดยวัดจากระดับน้ำทะเลมากว่า 1,500 เมตร และเป็นภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่


ประวัติ

             ภูเขาไฟอะโสะ ตั้งอยู่ที่เมืองอะโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ ในภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคนี้ ทั้งยังติดหนึ่งในอันดับภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยลักษณะอันโดดเด่นของกลุ่มภูเขาไฟแห่งนี้ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและมีขนาดที่ใหญ่มาก กินอาณาบริเวณกว่า 100 กิโลเมตร ประกอบด้วยยอดของปล่องภูเขาไฟเรียงรายกันไป 5 ยอด ได้แก่ ปล่องภูเขาไฟ Nakadake, ปล่องภูเขาไฟ Takadake,ปล่องภูเขาไฟ Kijimadake,ปล่องภูเขาไฟ Eboshidake และปล่องภูเขาไฟ Nekedake 

             บริเวณที่สามารถเข้าไปชมได้ง่ายที่สุดคือ ปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ (Nakadake) ทั้งนี้การขึ้นไปท่องเที่ยวด้านบนจำเป็นต้องมีการเช็คสภาพของก๊าซพิษที่ปากปล่องก่อน หากช่วงไหนที่มีปริมาณก๊าซพิษมากเกินความปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะปิดไม่ให้ขึ้นไปท่องเที่ยวด้านบนยอดเขา รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการขึ้นไปด้านบนยอดเขา

              โดยนอกจากปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญของการเดินทางมาเที่ยวที่นี่แล้ว ทิวทัศน์ธรรมชาติระหว่างทางไปก็ถือเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์ ที่ใครก็ไม่อาจละสายตาหรือพลาดที่จะบันทึกภาพความสวยงามรอบๆ ตัวตลอดสองข้างทางนี้ไปได้ กับทุ่งหญ้าคุซะเซนริอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา พร้อมกับจุดชมวิวที่มีให้แวะพักชมความงามของธรรมชาติอยู่เป็นระยะ โดยหลักๆ แล้วมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน ได้แก่


จุดชมวิวทุ่งหญ้าคุซะเซนริและปากปล่องภูเขาไฟเอโบชิดาเกะ (Kusasenri and Eboshidake)

              บริเวณนี้มีจุดชมวิวทุ่งหญ้าคุซะเซนริและปากปล่องภูเขาไฟเอโบชิดาเกะ (Kusasenri and Eboshidake) ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นฉากหลัง และยังสามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะที่คุกรุ่น รวมถึงปากปล่องภูเขาไฟทาคาดาเกะที่อยู่ถัดออกไป นอกจากจะเป็นจุดแวะเที่ยวที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยที่สุดระหว่างขับรถเที่ยวบริเวณภูเขาไฟอะโซะแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งปศุสัตว์ย่อยๆ ด้วย โดยจะสังเกตเห็นว่ามีแอ่งน้ำอยู่สองบ่ออยู่ใกล้ๆ กัน ในช่วงฤดูที่หญ้าเขียวขจีและน้ำเต็มบ่อ สัตว์น้อยใหญ่อย่างวัวและม้าก็จะมาเล็มหญ้าหาอาหารกินกันที่นี่  เป็นอีกบรรยากาศ ที่สวยงามแตกต่างออกไป  ทั้งนี้ แม้จะมาเที่ยวในช่วงฤดูอื่นๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ได้สัมผัสกับภาพทิวทัศน์แบบนั้น เขาก็มีบริการขี่ม้าเที่ยวชมรอบๆ บริเวณทุ่งหญ้าคุซะเซนริให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่โดยตลอด


ทัศนียภาพจากจุดชมวิวทุ่งหญ้าคุซะเซนริและปากปล่องภูเขาไฟเอโบชิดาเกะ (Kusasenri and Eboshidake) มองเห็นปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ (Nakadake) – ภาพซ้ายบน, ปากปล่องภูเขาไฟทาคาดาเกะ (Takadake) – ภาพขวาบน และปากปล่องภูเขาไฟเอโบชิดาเกะ (Eboshidake) – ภาพซ้ายล่าง


ลักษณะทางเดินรอบๆ จุดชมวิวทุ่งหญ้าคุซะเซนริและปากปล่องภูเขาไฟเอโบชิดาเกะ


บ่อน้ำบริเวณทุ่งหญ้า ในช่วงฤดูที่หญ้าเขียวขจีและน้ำเต็มบ่อวัวและม้าจะมาเล็มหญ้าหาอาหารกินกันที่นี่


บริการขี่ม้าเที่ยวชมรอบๆ บริเวณทุ่งหญ้าคุซะเซนริ


จุดชมวิวคุซะเซนริ (Kusasenri Observatory)

              ไม่ไกลจากจุดชมวิวทุ่งหญ้าคุซะเซนริและปากปล่องภูเขาไฟเอโบชิดาเกะ มีจุดชมวิวคุซะเซนริ (Kusasenri Observatory) ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับวิวสวยๆ จากมุมสูงบริเวณภูเขาไฟอะโซะอย่างเต็มตา โดยมีพระเอกอย่างปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา คอยดึงดูดทุกๆ สายตาให้จับจ้องไปที่จุดเดียวกัน

              ใกล้ๆ กับจุดชมวิวคุซะเซนรินี้เอง จะมีทางเดินขึ้น-ลงเนินเล็กๆ ระยะทางราวๆ 170 เมตร ด้านล่างของเนินเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอะโสะ (Aso Valcano Museum) ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาไฟลูกนี้ในรูปแบบ 3 มิติไว้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังแสดงข้อมูลการคาดการณ์การเกิดหรือปะทุของภูเขาไฟในอนาคตด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดบริการเวลา 09.00-16.30 น. โดยมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 1,100 เยน


วิวจากจุดชมวิวคุซะเซนริ (Kusasenri Observatory)


พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอะโสะ (Aso Valcano Museum)


สวนชมวิวภูเขาไฟอะโสะ (Aso Volcano Viewing Park)

              ห่างจากจุดชมวิวคุซะเซนริ (Kusasenri Observatory) ขึ้นมาประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะเป็น สวนชมวิวภูเขาไฟอะโสะ (Aso Volcano Viewing Park) ทัศนียภาพรอบๆ มีความสวยงาม ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับปากปล่องภูเขาไฟขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งภายในบริเวณเดียวกันนี้เองก็เป็นตั้งของ อะโสะ ซันโจ เทอมินัล (Aso Sanjo Terminal) / ศาลเจ้าอะโสะ ซันโจ (Aso Sanjo Shrine) และจุดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมวิวเหนือปากปล่องภูเขาไฟด้วย


บรรยากาศบริเวณสวนชมวิวภูเขาไฟอะโสะ (Aso Volcano Viewing Park)


ปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะที่ยังคงคุกรุ่น มองจากสวนชมวิวภูเขาไฟอะโสะ (Aso Volcano Viewing Park)


อะโสะ ซันโจ เทอมินัล (Aso Sanjo Terminal)

              เป็นอาคารผู้โดยสารบนยอดเขา ชัทเทิลบัสจากที่นี่เองที่จะพานักท่องเที่ยวเดินทางไปยังปากปล่องภูเขาไฟนากาดาเกะ หากไม่ได้เที่ยวโดยการเช่ารถขับเองก็สามารถขึ้นรถบัสจากสถานี Aso และมาต่อรถชัทเทิลบัสได้ที่นี่ แต่ก่อนบริเวณนี้เคยมีกระเช้าให้บริการขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟ แต่ตอนนี้ได้รื้อถอนออกไปและยกเลิกให้บริการแล้ว เหลือเพียงชัทเทิลบัสเท่านั้น


อะโสะ ซันโจ เทอมินัล (Aso Sanjo Terminal) ชัทเทิลบัสจากที่นี่จะพานักท่องเที่ยวเดินทางไปยังปากปล่องภูเขาไฟนากาดาเกะ


ศาลเจ้าอะโสะ ซันโจ (Aso Sanjo Shrine)

              เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่หนุ่มสาวนิยมมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องเนื้อคู่ เนื่องจากภูเขาไฟอะโสะนั้นได้รับการบูชาในฐานะภูเขาแห่งการมีคู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ หนุ่มสาวจึงมักเดินทางมาที่นี่ โดยกล่าวกันว่า หากใครต้องการพบคู่ที่ดีหรือต้องการถนอมความสัมพันธ์ในปัจจุบัน ก็ให้มาสักการะขอพรศาลเจ้าที่วัดแห่งนี้ด้วยจะสมความปรารถนา


ศาลเจ้าอะโสะ ซันโจ (Aso Sanjo Shrine)


ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชมวิวเหนือปากปล่องภูเขาไฟ

              สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมทัศนียภาพมุมสูงเหนือปากป่องภูเขาไฟด้วยมุมมองแบบ Bird’s eye view ที่นี่ก็มีบริการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวมุมสูงอย่างใกล้ชิดให้เลือกหลาย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและพื้นที่การบินชม โดยมีตั้งแต่ 2 – 20 นาที กับราคาเริ่มต้นที่ 3,000 ไปจนถึง 50,000 เยน


เฮลิคอปเตอร์นำชมวิวมุมสูงเหนือปากปล่องภูเขาไฟ


ทัศนียภาพมุมสูงของปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ (Nakadake) ถ่ายจากบนเฮลิคอปเตอร์


ปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะที่ยังคงประทุ

              ทั้งนี้การขึ้นไปท่องเที่ยวด้านบนปากปล่องภูเขาไฟจำเป็นต้องมีการเช็คสภาพของก๊าซพิษที่ปากปล่องก่อน หากช่วงไหนที่มีปริมาณก๊าซพิษมากเกินความปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะปิดไม่ให้ขึ้นไปท่องเที่ยวด้านบนยอดเขา รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการขึ้นไปด้านบนยอดเขาด้วย สำหรับผู้ที่สนใจไปเที่ยวภูเขาไฟอะโสะสามารถเที่ยวได้ตลอดปี ซึ่งเวลาทำการของแต่ละฤดูอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ http://www.aso.ne.jp/~volcano/eng/


การเดินทางจากสนามบินคุมาโมโตะไปยังสถานีคุมาโมโตะ

             - รถบัส จากสนามบิน นั่งรถบัส Kumamoto-Airport Limousine Bus เพื่อไปลง Kumamoto Station ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 53 นาที


การเดินทางจากสถานีคุมาโมโตะไปยังภูเขาไฟอะโสะ

             - รถยนต์ จาก Kumamoto Station ไปยัง Mt.Aso มีระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที


เวลาเปิด – ปิด

             20 มีนาคม – 31 ตุลาคม เวลา 8.30 – 17.30 น.

             1 พฤศจิกายน – 30 พฤศจิกายน เวลา 8.30 – 17.00 น.

             1 ธันวาคม – 19 มีนาคม เวลา 9.00 – 16.30 น.


อัตราค่าเข้าชม 

             การเที่ยวชมบริเวณทั่วไปไม่เสียค่าเข้าชม

             พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอะโสะ (Aso Valcano Museum) มีค่าเข้าชม 840 เยน


เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว

             ตลอดทั้งปี 


             นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว ภูเขาไฟอะโสะ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       ภูเขาไฟอะโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น

                       (Mt. Aso, Kumamoto, Japan)

                       ระดับความนิยม : 

                       อัตราค่าเข้าชม : การเที่ยวชมบริเวณทั่วไปไม่เสียค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอะโสะ (Aso Valcano Museum) มีค่าเข้าชม 840 เยน

                       เวลาเปิด-ปิด : 20 มีนาคม – 31 ตุลาคม เวลา 8.30 – 17.30 น.

                                            1 พฤศจิกายน – 30 พฤศจิกายน เวลา 8.30 – 17.00 น.

                                            1 ธันวาคม – 19 มีนาคม เวลา 9.00 – 16.30 น.

                       ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี

                       สถานที่ตั้ง : จังหวัดคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น

                       โทรศัพท์ : (+81) 967 32 1960

                       เว็ปไซต์ : http://www.aso.ne.jp/~volcano/eng/

                       ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/

                                       เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคุมาโมโตะ https://kumamoto-guide.jp/en/

                                       เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/

                                       เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนญี่ปุ่น http://www.hyperdia.com/

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สวนหลิวหยวน เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนหลิวหยวน หรือ สวนสิงโต (Lion Forest Garden) เป็นสวนจีนโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน สวนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของและชื่อหลายครั้งตลอดหลายศตวรรษ สวนหลิวหยวน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนคลาสสิกที่สำคัญที่สุดของซูโจว และเป็นส่วนหนึ่งของ "สวนคลาสสิกของซูโจว" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.2000

อ่านต่อ

สวนจัวเจิ้ง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนจัวเจิ้ง (Humble Administrator’s Garden) เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวและได้ชื่อว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนตอนใต้ สวนแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จีนหลายเรื่องด้วยกัน และได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1997

อ่านต่อ

เนินเขาเสือ เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

เนินเขาเสือ หรือเนินหู่ชิว (Tiger Hill) ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในซูโจว นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่มีเสน่ห์และโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของซูโจว ไม่ว่าจะเป็นหลุมศพโบราณ บ่อน้ำ เจดีย์ และห้องสมบัติ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสวยงามของทิวทัศน์ในวรรณคดีจีนโบราณ โดยที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย

อ่านต่อ

ทะเลสาบจินจี เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ทะเลสาบจินจี (Jinji Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในซูโจว ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ศูนย์จัดแสดงสินค้า พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ฯลฯ ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

ถนนซานถัง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ถนนซานถัง (Shantang Street) ถนนโบราณที่มีความเก่าแก่เกือบ 1,200 ปี ครั้งหนึ่งถนนสายนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ปัจจุบันซานถังยังคงเป็นถนนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “ภาพย่อของซูโจวเก่า” และยังถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ AAAA ของประเทศ

อ่านต่อ

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น (Grand Canal National Culture Park) เป็นส่วนหนึ่งของคลองต้ายุ่นซึ่งทอดตัวยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร และเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมสำคัญในประเทศจีนมานานกว่า 2,500 ปี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ

รูปปั้นโมอาย ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

รูปปั้นโมอาย (Moai) เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ