พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

  • อ่าน (3,953)
  • By Webmaster
  • 14:47:55 | 1 ต.ค. 2561

พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

Casa Manila Museum, Manila, Philippines


พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา ซึ่งเป็นคฤหาสน์สมัยล่าอาณานิคมของสเปน

             Casa Manila Museum เป็นคฤหาสน์สมัยอาณานิคมสเปนที่อยู่ในย่านเมืองโบราณอินทรามูรอส สร้างด้วยหินภูเขาไฟและต่อเติมชั้นบนด้วยโครงสร้างไม้กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในตกแต่งด้วยเครื่องเรือน ของประดับบ้าน และงานศิลปะสมัยโบราณ ตัวอาคารสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตระกูลต่างๆ ที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน อธิบายถึงวิถีชีวิตของชาวอาณานิคมในยุคล่าอาณานิคมของสเปนในฟิลิปปินส์


แผนที่ตั้งของเมืองหลวงมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์

           อินทรามูรอส มีอายุยาวนานมากว่า 400 ปี ก่อตั้งขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1571 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการโจมตีจากข้าศึกและโจรสลัดของชาวสเปน โดยมีผู้นำการก่อสร้างคือ Miguel Lopez de Legazpi

ประวัติของเมืองโบราณอินทรามูรอส


เฟอร์นิเจอร์ส่วนหนึ่งที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา

           อินทรามูรอสเป็นต้นกำเนิดของกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ ถูกยกย่องให้เป็นมรดก อารยธรรมทางประวัติศาสตร์ใน ค.ศ.1600 ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของอ่าวมะนิลา ทางตอนใต้ของแม่น้ำปาซิก มีลักษณะเป็นป้อมปราการ ซึ่งกำแพงแต่ละด้านยาว 4 กิโลเมตร ภายในมีพื้นที่ 395 ไร่ เป็นที่ตั้งของชุมชนและสถานที่สำคัญมากมาย เช่น โบสถ์ซานอะกุสติน คอนแวนต์ โรงพยาบาล ค่ายทหาร รวมถึงสถานที่ทางราชการ จนกลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยกำแพงหนา เหมือนกับชื่อในภาษาสเปนที่มีความหมายว่า “within the walls”


เฟอร์นิเจอร์โบราณส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้ดีเก่าในสเปน


เครื่องมือเครื่องใช้ที่ยังหลงเหลืออยู่ในคฤหาสน์

           ในยุคที่มีการล่าอาณานิคมของสเปนและอเมริกา “อินทรามูรอส” ถือเป็นศูนย์กลางความเจริญ และเป็นอาณาจักรที่ได้รับอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมมาจากตะวันตก เดิมทีอินทรามูรอสเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอิสลาม ก่อนจะถูกชาวสเปนเข้ายึดในปี ค.ศ.1571 และเปลี่ยนมะนิลาให้กลายเป็นเมืองหลวงของอาณานิคม


เครื่องเปียโนและเครื่องใช้ที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวสเปนในอดีต

           ยุคสงครามอินทรามูรอสได้ถูกเปลี่ยนมือหลายต่อหลายครั้ง หลังจากสเปนครอบครองเป็นเวลา 190 ปี ในช่วงปี ค.ศ. 1762 ก็ตกไปอยู่ในมือของอังกฤษ และในอีก 2 ปี หลังจากนั้น สเปนก็สามารถไปชิงกลับมาได้ แต่ในปี ค.ศ.1898 อินทรามูรอสก็ต้องตกอยู่ในการครอบครองของสหรัฐอเมริกา และยืนหยัดท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งโดนทหารญี่ปุ่นทำลายบางส่วนแล้วเข้ายึดครองในที่สุด


รถจักรยานสำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่าเพื่อปั่นชมย่านเก่าอินทรามูรอส

           การผ่านมรสุมภัยสงครามมาอย่างโชกโชน รวมทั้งการเผชิญกับแผ่นดินไหว ไฟไหม้ พายุโหมกระหน่ำ ทำให้อินทรามูรอสแทบจะไม่หลงเหลือสิ่งใด และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งรัฐบาลฟิลิปปินส์เข้ามาเก็บเศษซากที่เหลือด้วยการบูรณปฏิสังขรณ์ และเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน

ความเป็นมาและความสำคัญ


ห้องโถงภายในอาคารพิพิธภัณฑ์คาซา มะนิลา กรุงมะนิลา

           พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของชาวฟิลิปปินส์บันทึกเหตุการณ์ทางด้านประวัติศาสตร์นับหลายพันปี ตั้งแต่วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวพื้นเมืองฟิลิปปินส์ไปจนถึงศิลปะทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งการแสดงนิทรรศการออกไปเป็น 3 ชั้น


เครื่องมือเครื่องใช้ที่เปรียบเสมือนเครื่องบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

           พิพิธภัณฑ์คาซาบ้านทรงสเปนสวยงาม โดยย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงชาวสเปนเคยถูกไฟไหม้เสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในช่วง ค.ศ.1980 ภายในตกแต่งอย่างดี เพื่อถ่ายทอดภาพชีวิตของครอบครัวชาวฟิลิปปินส์ในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของสเปน

การเดินทางจากสนามบินไปยังเมืองโบราณอินทรามูรอส

             รถแท็กซี่ สีเหลืองคือ แท็กซี่มิเตอร์ ราคาโดยประมาณ 300-500 PPH เริ่มกดมิเตอร์ตามความเป็นจริง สีขาวคือ แท็กซี่เหมา โดยราคาจะเป็นไปตามที่ผู้โดยสารและคนขับตกลงกัน

             ชัตเตอร์บัส จากสนามบิน จุดจอดรถบัสอยู่หน้าอาคาร เทอมินอล 3 เมื่อออกจากอาคารมา ทางด้านขวานักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการจากสนามบินเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ โดยมีระยะทาง 11.7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง และต้องต่อรถแท็กซี่เพื่อไปยังย่านอินทรามูรอสเพื่อเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา
 

การเดินทางภายในย่านอินทรามูรอสไปยังพิพิธภัณฑ์คาซา

 

             รถสามล้อ หากนักท่องเที่ยวต้องการเที่ยวโดยรอบย่านเก่าอินทรามูรอสพร้อมไกด์ จะอยู่ที่ราคา 900 PPH ต่อ 2 ชม. (ราคาปกติ 305 PPH ต่อ 30 นาที)

             - รถแท็กซี่ นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในย่านเก่าอินทรามูรอสได้ และเนื่องจากสถานที่แต่ละที่อยู่ไม่ห่างกันมาก อัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ประมาณ 100 PPH

เวลาทำการเปิด – ปิด


โครงสร้างของคฤหาสน์ หรือพิพิธภัณฑ์คาซามะนิลาสร้างด้วยหินภูเขาไฟและต่อเติมชั้นบนด้วยไม้

           เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9:00 น. – 18:00 น.

อัตราค่าเข้าชม

           อัตราค่าเข้าชม 75 PPH สำหรับผู้ใหญ่

           และอัตราค่าเข้าชม 50 PPH สำหรับเด็กนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ และผู้พิการ


ข้อปฏิบัติที่มีไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติและทำความเข้าใจ

จุดท่องเที่ยวสำคัญ

           เนื่องจากอาคารพิพิธภัณฑ์คาซามีทั้งหมด 3 ชั้น ภายในมีห้องขนาดใหญ่อยู่มากมาย ซึ่งจุดท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เลยคือ


อาคารพิพิธภัณฑ์คาซามะนิลามีทั้งหมด 3 ชั้น ทำจากหินภูเขาไฟและต่อเติมด้วยไม้

           ชั้น 1 เดินชมมีด ช้อนส้อม หม้อและกระทะสมัยโบราณ รวมทั้งแม่พิมพ์ทำอาหารและเตาถ่านยุคศตวรรษที่ 18 ชมถังเก็บน้ำฝนสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในคฤหาสน์ตลอดทั้งปี จากนั้นแวะชมห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 18 ที่นั่ง พัดลมเพดานที่ทำงานด้วยแรงคน ทำให้รู้สึกเย็นสบาย


ข้าวของเครื่องใช้ในยุคสมัยสเปนล่าอาณานิคมที่ยังหลงเหลืออยู่

           ชั้น 2 ห้องนอนและห้องสมุดกึ่งห้องทำงาน นักท่องเที่ยวจะเห็นตู้เซฟและหีบสมบัติเก็บเหรียญเงินและเหรียญทอง ส่วนห้องน้ำออกแบบมาให้สองคนนั่งกระทบไหล่และคุยกันได้อย่างต่อเนื่องระหว่างทำธุระส่วนตัว


ห้องนอนบริเวณชั้น 2 ที่ยังหลงเหลือให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม

           ชั้น 3 ห้องนั่งเล่นของครอบครัว ชมเครื่องเรือนโบราณทำจากไม้ เช่น โซฟา เก้าอี้ และนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโต๊ะหินอ่อนที่ขาโต๊ะทำจากไม้ และแท่นวางรูปสลัก เครื่องเรือนในคฤหาสน์มีทั้งเครื่องเรือนแบบจีน ยุโรป และเครื่องเรือนที่ผลิตในฟิลิปปินส์


เครื่องเรือนต่างๆ ที่ทำจากไม้ในสมัยล่าอาณานิคมสเปน

เวลาที่เหมาะสมสำหรับท่องเที่ยว


ทางเดินขึ้นชั้นบนเพิ่มเที่ยวชมนิทรรศการอื่นๆ ภายในพิพิธภัณฑ์

           เวลาที่ควรไปท่องเที่ยวมากที่สุดคือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เมื่ออุณหภูมิอบอุ่นในตอนกลางวันและค่อนข้างหนาวในเวลากลางคืน (อาจต้องสวมใส่เสื้อสเวตเตอร์แบบบาง) เช่นเดียวกับเดือนแห่งฤดูร้อน หรือเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งอาจจะร้อนมาก ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 38 องศาเซลเซียส ฉะนั้นนักท่องเที่ยวควรเตรียมหมวกและแว่นกันแดดไปด้วย พร้อมกับดื่มน้ำให้มาก ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง

ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้


ของฝากที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อได้ตามชอบ แสดงถึงวัฒนธรรม

           หากนักท่องเที่ยวต้องการนำยาประจำตัวใด ๆ ติดตัวไปด้วยต้องได้รับอนุญาตจากทางราชการของประเทศฟิลิปปินส์ก่อนจึงจะสามารถนำยาประจำตัวเข้าไปภายในประเทศได้

 

           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

                       (Casa Manila Museum, Manila, Philippines)

                       ระดับความนิยม

                       อัตราค่าเข้าชม : ราคา 75 PPH สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 50 PPH สำหรับเด็ก/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ/ผู้พิการ

                       เวลาเปิด – ปิด : ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 - 18.00 น.

                       ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

                       สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ใน Intramuros (ย่านเมืองโบราณ) กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

                       โทรศัพท์ : (+63) 2 527 4084

                       เว็บไซต์ : www.manila.gov.ph

                       ข้อมูลอื่น ๆ ที่ควรรู้ : การพยากรณ์อากาศ www.accuweather.com

                                         การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ www.tourism.gov.ph

                                         ตรวจสอบเที่ยวรถไฟฟ้า https://dotcmrt3.gov.ph/

                                         ตรวจสอบเที่ยวบิน www.philippineairlines.com/en

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ

รูปปั้นโมอาย ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

รูปปั้นโมอาย (Moai) เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร

อ่านต่อ

ตลาดปลานิโจ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) เป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ในเมืองซัปโปโรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ตลาดแห่งนี้โด่งดังจากอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายชนิด ร้านอาหาร และบรรยากาศที่คึกคัก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวซัปโปโรจะต้องไม่พลาด

อ่านต่อ

ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ (Chitose Outlet Mall Rera) หนึ่งในเอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน New Chitose Airport เพียง 10 นาที

อ่านต่อ

คลองโอตารุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

คลองโอตารุ (Otaru Canal) เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของฮอกไกโดในอดีต ปัจจุบันยังคงมีอาคารเก่าแก่เรียงรายริมคลอง สะท้อนภาพวิถีชีวิตในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส

อ่านต่อ

เนินแห่งพระพุทธเจ้า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha) สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของซัปโปโร โดดเด่นด้วยเศียรของพระรูปที่โผล่พ้นเนินเขาขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับรูปปั้นหินโมอาย (Moai Statue) ฉายา “สโตนเฮนจ์แห่งฮอกไกโด”

อ่านต่อ

อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค (Amanohashidate Park) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ภายในอามาโนะฮาชิดาเตะเรียงรายไปด้วยทิวของต้นสน ทางเดินทอดยาว มีสะพานอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ตลอดจนศาลเจ้าให้แวะสักการบูชา

อ่านต่อ

วัดซันจูซันเก็นโด จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusanjen-do Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเท็นได ที่ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิยามะ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตัววัดมีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยองค์เจ้าแม่กวนอิมปางค์ประทานพร (Senju Kannon) จำนวน 1,001 องค์ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารไม้ยาว 120 เมตร ซึ่งถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ