มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย

- อ่าน (7,554)
มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย
St. Stephen’s Cathedral, Vienna, Austria
มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Cathedral) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1147 มีเอกลักษณ์เด่นคือยอดปลายแหลมของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค (Gothic) เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของเมืองเวียนนา โบสถ์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นทั้งผลงานศิลปะเชิงศาสนา และเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของออสเตรีย
ประวัติ
มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเมืองเวียนนา โบสถ์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นทั้งผลงานศิลปะเชิงศาสนา และเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของออสเตรีย โดยสถานที่แห่งนี้ถูกใช้จัดงานของรัฐและพิธีทางศาสนาอื่นๆ ในหลายๆ วาระ มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1147 เพื่ออุทิศแด่นักบุญสตีเฟ่น โดยสร้างตามสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโกธิค (Gothic) ที่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม และโรมานเนสก์ (Romanesque) ที่อ่อนช้อยงดงาม องค์ประกอบในสไตล์โกธิคส่วนใหญ่ของอาคาร เช่น หอคอย สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 14 และ 15
ครั้งหนึ่งมหาวิหารแห่งนี้ยังเคยเป็นที่พำนักของอาร์ชบิชอปแห่งกรุงเวียนนา มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นผ่านการบูรณปฏิสังขรณ์ ต่อเติมมาหลายต่อหลายครั้ง เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองได้สร้างความเสียหายให้แก่บางส่วนของมหาวิหาร แต่มหาวิหารก็ได้รับการบูรณะใหม่จนกลับมาสู่สภาพเดิม ทั้งนี้ โบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นบนซากโบสถ์เดิมที่สร้างขึ้นมาก่อนหน้านั้นสองโบสถ์ ตัวโบสถ์ของมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น มีขนาดใหญ่ ทรงสูง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบกว่า 230,000 แผ่นและโมเสคที่เป็นรูปนกอินทรีสองหัวอันโดดเด่น โดยส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของโบสถ์คือกำแพงทางทิศตะวันตก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1237 มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ หอคอยทางทิศใต้ (Steffl) และ หอคอยทางทิศเหนือ (Pummerin)
มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นมียอดปลายแหลมๆ หลายยอด โดยส่วนที่โดดเด่นที่สุดของโบสถ์คือ หอคอยทางทิศใต้ (Steffl) ซึ่งสูงถึง 137 เมตร ภายในมีส่วนจัดแสดงผลงานศิลปะเชิงศาสนาที่จัดเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ บริเวณช่องทางเดิน ขึ้นบันได 343 ขั้นของหอคอยทางทิศใต้เป็นสุสานใต้ดินและหลุมฝังศพอันงดงามของสมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเมื่อขึ้นไปยืนบนหอคอยทางทิศใต้จะสามารถชมทัศนียภาพของเมืองเวียนนาได้โดยรอบ ทั้งนี้หากว่านักท่องเที่ยวขึ้นลิฟต์ที่ หอคอยทางทิศเหนือ (Pummerin) ก็จะมีโอกาสได้ชมและตื่นตากับระฆัง "พุมเมอริน" ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นระฆังวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในยุโรป โดยมีน้ำหนักมากถึง 20,130 กิโลกรัม เป็นระฆังที่มีเสียงไพเราะก้องกังวาน โดยระฆังที่แขวนอยู่ปัจจุบันเป็นระฆังอันใหม่ที่ได้รับมาจากรัฐ Upper Austria เมื่อปีค.ศ. 1951
มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น มีเอกลักษณ์เด่นคือยอดปลายแหลมของสถาปัตยกรรมแบบโกธิค
ความลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม และโรมานเนสก์ที่อ่อนช้อยงดงามยิ่ง
นักท่องเที่ยวชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมด้านใน
ม้านั่งยาวภายในโบสถ์ที่ผ่านกาลเวลามายาวนาน
นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นอย่างเนืองแน่น
การเดินทางจากสนามบินไปยังมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Cathedral)
ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนาหรือสนามบินนานาชาติเวียนนา มีชื่อเป็นทางการว่า Vienna International Airport (Flughafen Wien-Schwechat) นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากสนามบินไปยังมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Cathedral) ได้หลากหลายวิธี ดังนี้
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบินไปยัง St. Stephen’s Cathedral มีระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที โดยจากสนามบินใช้ถนนสาย A4 จากนั้นเดินทางต่อไปบนถนนสาย B227 มุ่งสู่ Schulerstraße
ทั้งนี้ แท็กซี่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระติดตัวค่อนข้างเยอะ หรือเดินทางแบบเป็นกลุ่มที่ต้องการความสะดวกและเป็นส่วนตัว การเดินทางโดยแท็กซี่จากสนามบินไปยังมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น มีค่าบริการประมาณ 30 ยูโร
- รถประจำทาง (Bus) การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากสนามบินไปยัง St. Stephen’s Cathedral ใช้เวลาประมาณ 35 นาที นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถ Bus VAL 2 ไปลงป้าย Wien Morzinplatz
- รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากสนามบินไปยัง St. Stephen’s Cathedral ใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟใต้ดินสาย U4 Wien (Hütteldorf) ไปลงสถานี Wien Mitte จากนั้นต่อรถไฟใต้ดินสาย U3 (Wien Ottakring) ไปลงสถานี Stephansplatz
การเดินทางภายในเวียนนา
เวียนนามีระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมเป็นระบบ ทั้งรถไฟ (S - Bahn) รถไฟใต้ดิน (U - Bahn) รถราง (Tram) และรถเมล์ (Bus) นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก โดยตั๋วเดินทางที่เรียกว่า Verkehrsverbund Ost-Region (VOR) สามารถใช้ร่วมกันได้ดังนี้
ตั๋วแบบเที่ยวเดียว 2.40 ยูโร
ตั๋ว 24 ชั่วโมง 8 ยูโร
ตั๋ว 48 ชั่วโมง 14.10 ยูโร
ตั๋ว 72 ชั่วโมง 17.10 ยูโร
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ (เครื่องสีแดง) หรือเคาน์เตอร์ขายตั๋วที่สถานีรถไฟทุกแห่ง เมื่อจะใช้งานก็ให้ Validate กับเครื่องตอกบัตร (เครื่องสีเหลือง) ก่อน โดยตั๋วตั้งแต่ประเภท 24 ชั่วโมงขึ้นไป จะเริ่มนับเวลาจากการตอกบัตรใช้งานครั้งแรกไปจนครบ จำนวนชั่วโมงตามที่กำหนด
แผนที่ระบบขนส่งมวลชนเมืองเวียนนา ภาพจาก https://www.wienerlinien.at
เวลาทำการเปิด – ปิด
วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 06.00 – 22.00 น.
วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 07.00 – 22.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชมมหาวิหาร แต่มีค่าเข้าชมหอคอยต่างๆ เล็กน้อย
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว St. Stephen’s Cathedral
ผลงานประติมากรรม รูปนูน และภาพทางศาสนาอันน่าประทับใจ รูปบูชาของ Maria Pötsch ในศตวรรษที่ 17 ที่กล่าวกันว่าดูราวกับคนกำลังหลั่งน้ำตาอยู่จริงๆ
แท่นบูชาที่สูงและมีรูปปั้นทางศาสนาอันโด่งดังของเวียนเนอร์ นูสตัดท์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 18 แท่นบูชาของมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น
อีกส่วนที่พลาดไม่ได้คือธรรมาสน์ในสไตล์โกธิคที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง
รูปบูชาของ Maria Potsch อันโด่งดัง
แท่นบูชา
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
ประติมากรรมรูปนูนทางศาสนาที่มีความงดงามและน่าสนใจ
บรรยากาศรอบๆ มหาวิหาร
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
มีโปรแกรมนำเที่ยวสุสานใต้ดินและบริเวณเบื้องหลังต่างๆ ของมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นให้บริการ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับโปรแกรมนำเที่ยวดังกล่าว
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม St. Stephen’s Cathedral สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย
(St. Stephen’s Cathedral, Vienna, Austria)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 22.00 น.
ตั้งอยู่ที่ : Stephansplatz 3, Vienna, Austria
โทรศัพท์ : (+43) 1 51552 3054
เว็บไซต์ : https://www.stephanskirche.at
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวเมืองเวียนนา https://www.wien.info
ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศออสเตรีย https://www.austria.info
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

หมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อ
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อ
หมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อ
รวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อ
หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อ
มหาวิหารอาร์กติก เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นที่สุดของเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และความหมายอันลึกซึ้ง ทำให้มหาวิหารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนทรุมเซอ
อ่านต่อ
มหาวิหารทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) หรือที่รู้จักในชื่อ "Tromsdalen Church" เป็นโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ และการออกแบบตกแต่งภายในอันงดงาม
อ่านต่อ
ท่าเรือทรุมเซอ เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
ท่าเรือทรุมเซอ (Port of Tromsø) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นมากกว่าแค่จุดขึ้นลงเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของเมืองทรุมเซอ และเป็นประตูสู่ดินแดนอาร์กติกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
อ่านต่อ
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
กระเช้าไฟฟ้าเฟียลไฮเซน (Fjellheisen Cable Car) เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์ การนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิวเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดอันงดงามแบบ 360 องศา
อ่านต่อ
หมู่บ้านแฮมนอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านแฮมนอย (Hamnoy) ถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) มีลักษณะโดดเด่นคือ “โรบูเอ้” สีแดง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่บนโขดหิน และมีฉากหลังเป็นภูเขา เป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนโปสการ์ด ของที่ระลึก และสื่อประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวต่างๆ
อ่านต่อ
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านนูส์ฟยอร์ด (Nusfjord) คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านใต้ของเกาะ Flakstadøya ในอ่าวเวสฟยอร์เดน (Vestfjord) เขตเทศบาล Flakstad ของเมือง Lofoten ประเทศนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และอาจจะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกก็เป็นได้
อ่านต่อ
หมู่บ้านซาคริซอย หมู่เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซาคริซอย (Sakrisoy) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขาโอลสตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และอีกหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นคือหมู่บ้านนี้คือ “โรบูเอ้” สีเหลือง (Rorbuer) กระท่อมสำหรับพักชั่วคราวของชาวประมงที่เรียงรายอยู่ตามริมฝั่งฟยอร์ด
อ่านต่อ
รวมที่เที่ยว 4 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โอเลซุนด์ ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่งดงามราวกับภาพวาด การเดินทางจากออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศ สู่เบอร์เกน (Bergen) ฟลอม (Flam) และเอลซุนด์ ( Alesund) เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เส้นทางสายนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับบ้านเมืองน่ารักๆ ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเทือกเขาสูงชัน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว ฟยอร์ดที่ทอดยาว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของนอร์เวย์
อ่านต่อ
รวมที่เที่ยว 3 เมืองเด่น จาก ออสโล ถึง โลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ (Norway) ดินแดนแห่งฟยอร์ดและขุนเขาที่แสนสวยงาม เต็มไปด้วยเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมจะมอบความทรงจำสุดประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน การเดินทางจากออสโล (Oslo) สู่ทรุมเซอ (Tromso) และโลโฟเทน (Lofoten) นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่เมืองหลวงที่ทันสมัย ไปจนถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของอาร์กติก และหมู่เกาะที่สวยงามราวภาพวาด
อ่านต่อ
หมู่บ้านซอมมารอย เมืองทรุมเซอ ประเทศนอร์เวย์
หมู่บ้านซอมมารอย (Sommarøy) เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ทางตะวันตกของเมืองทรุมเซอ (Tromsø) ประเทศนอร์เวย์ อยู่ห่างจากเมืองทรุมเซอไปทางตะวันตกประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากมีหาดทรายขาวและทิวทัศน์สวยงาม
อ่านต่อ
